กรุงเทพฯ – บมจ.เอเชียกรีน เอนเนอจี (AGE) เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2562 มีรายได้รวม 1,650.3ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% กำไรสุทธิ 80.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 150.7% จากการเติบโตของยอดขายถ่านหินและรายได้จากธุรกิจบริการ ส่งผล Q1/62 กวาดยอดขายแตะ 0.68 ล้านตัน ด้านผู้บริหาร “พนม ควรสถาพร” มองธุรกิจถ่านหินทั้งปีโตตามเป้า ขานรับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ทยอยสั่งสินค้าเพิ่มขึ้น หวังรองรับการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ พร้อม ลุยธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ ประกาศสั่งต่อเรือ - ขยายท่าเรือ เพิ่มอีก 1 ท่า รองรับการขนส่งสินค้า ในอนาคต ส่งซิกรายได้รวม ปีนี้ ลุ้นแตะ 9,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายถ่านหินที่ 4 ล้านตัน นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE ผู้นำเข้าและจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2562 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2562 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 1,650.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายถ่านหินที่ 1,540.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา รายได้จากธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์ที่ 109.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.1% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และกำไรสุทธิ อยู่ที่ 80.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นช่วงเดียวกันของปีก่อน 150.7% สำหรับรายได้รวมปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ มีการขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นโดยจะเห็นได้จากปริมาณการขายในประเทศ อยู่ที่ 0.66 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 12.4 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2562 บริษัทฯ มีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศอยู่ที่ 0.68 ล้านตัน ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชียกรีน เอนเนอจี กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ เดินหน้าขยายการให้บริการด้านโลจิสติกส์ ขนส่งทางน้ำ และทางบก รวมทั้งการให้บริการท่าเรือ และคลังสินค้า เพื่อต่อยอดธุรกิจการนำเข้าและจำหน่ายถ่านหิน อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันอยู่การปรับปรุงพื้นที่ และพัฒนาท่าเรือเพิ่มเติม เป็นท่าที่ 3 จากเดิมที่มีท่าเรือในการให้บริการอยู่แล้ว จำนวน 2 ท่า ในบริเวณคลังสินค้า อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นอกจากนี้ ในปี 2562 บริษัทฯ ได้สั่งต่อเรือลำเลียง เพิ่มเติมอีกจำนวน 16 ลำ จากเมื่อไตรมาส 1/2562 ที่ผ่านมา และได้ทยอยรับมอบเรือลำเลียงจนครบ จำนวน 24 ลำเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งคาดว่าจำนวนที่สั่งต่อใหม่จะเริ่มทยอยส่งมอบในปี 2563 จะทำให้จำนวนกองเรือลำเลียงของบริษัทฯ เพิ่มเป็น 40 ลำ ซึ่งจะสามารถรองรับความต้องการใช้บริการขนส่งทางน้ำ ของกลุ่มผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรมได้เพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ “ สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2562 คาดว่า ความต้องการใช้ถ่านหินยังคงมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่อิงกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ต่างๆ บวกกับการทำการตลาดในต่างประเทศทั้งจีน และเวียดนาม ที่มีความเข้มข้นมากขึ้น ดังนั้นจึงมั่นใจว่าทั้งปี จะสามารถทำได้ตามเป้าที่วางไว้ทั้งรายได้ 9,000 ล้านบาท และยอดขายถ่านหินที่ 4 ล้านตัน” นายพนม กล่าวทิ้งท้าย