สหไทย เทอร์มินอล หรือPORT โชว์กำไรผลประกอบการไตรมาส 1ปี 2562โต 1.57%รุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องรองรับเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว คว้าลูกค้าใหม่สายเรือสิงคโปร์ คาดปีนี้รายได้พุ่งกว่า 10% พร้อมขึ้นผู้นำให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร นายบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORTเปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส1ปี 2562มีรายได้ รวม 393.05ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.91 % จากรายได้รวม 374.67ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 36.14ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.57%จากกำไรสุทธิ 35.58ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากปริมาณตู้สินค้าจากเรือขนส่งสินค้าระหว่าง ประเทศและเรือขนส่งสินค้าชายฝั่งที่เข้ามาใช้บริการที่ท่าเรือมีปริมาณเพิ่มขึ้น และกิจกรรมต่อเนื่องอื่นๆยังเติบโตได้ดี ขณะที่ไตรมาส 2 บริษัทได้ลูกค้าสายเรือรายใหม่ สายเรือ VASIจากสิงคโปร์ โดยเริ่มเข้าเทียบท่าเรือสหไทย ตั้งแต่กลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา คาดว่าจะมีปริมาณการขนส่งคอนเทนเนอ ร์ของสายเรือVASI ประมาณ 1,600 teus/เดือน ซึ่งได้รับความพึงพอใจเป็นอย่างดีจากการให้บริการกับสายเรือVASI เน้นไปที่สินค้าประเภท ปุ๋ย และ เคมีภัณฑ์ มีเส้นทางจากประเทศไทยไปยังท่าเรือจิตตะกอง บังคลาเทศ โดยตรง ถือเป็นเส้นทางที่มีความต้องการของตลาดอย่างมาก อีกทั้งบริษัทยังได้มีการขยายฝูงรถเพื่อให้บริการขนส่งทางบกแก่ลูกค้าสายเรือและผู้นำเข้าส่งออก เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริการที่ลูกค้าพึงพอใจ ทำให้เชื่อมั่นว่ารายได้จะเติบโตได้ตามคาดการณ์ ทั้งนี้บริษัทมีแผนจะขยายธุรกิจท่าเรือและโลจิสติกส์แบบครบวงจร เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจของบริษัท และทำให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่องอย่างมั่นคง โดยการลงทุนสร้างท่าเรือพาณิชย์แห่งที่3และขยายศูนย์กระจายสินค้า ต่อยอดธุรกิจ ก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร โดยมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 138ล้านหุ้น มูลค่า(พาร์)หุ้นละ 0.50บาท ซึ่งบริษัทจะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 92ล้านหุ้น เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering-RO)ในอัตราส่วน 5หุ้นเดิมต่อ 1หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 4.00บาท โดยกำ หนดจองซื้อและชำระเงินในวันที่ 17พ.ค.-24พ.ค.62 นอกจากนี้จะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 46ล้านหุ้น เพื่อรองรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) รุ่นที่ 1หรือ PORT–W1ที่บริษัทฯ จะขายให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใน อัตราส่วน 2หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1วอร์แรนต์ โดย PORT – W1มีอายุ 3ปี มีอัตราการใช้สิทธิวอร์แรนต์ต่อ 1หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิ 6.50บาท/ หุ้น สำหรับการเพิ่มทุนในครั้งนี้เพื่อใช้ ลงทุนใน 1.บริษัทบางกอก ริเวอร์ เทอร์มินอล จำกัด (BRT)ร่วมกับบริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk สายเรืออันดับหนึ่งของ โลก และกลุ่มน้ำตาลมิตรผลซึ่งเป็น1ในผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของไทย เพื่อสร้างท่าเรือพาณิชย์แห่งที่3รองรับการขยายตัวของ การนำเข้าและส่งออกของประเทศที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทจะมีสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 38ส่วนบริษัท APM Terminals จำกัด และกลุ่มมิตรผลถือหุ้นร้อยละ 33และ 29ของทุนจดทะเบียนตามลำดับ ซึ่งการลงทุนใน BRT จะเพิ่มความสามารถในการให้บริการท่าเรือได้อีกประมาณ 180,000 TEUs/ปี รวมกับความสามารถในการให้บริการเดิมของบริษัทและบริษัทย่อย เป็น 920,000 TEUs/ปี หรือเพิ่มขึ้นประมาณ24% 2.ลงทุนในบริษัทบางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (BLP) ร่วม กับ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด(มหาชน) (“FRASERS”)(ชื่อเดิมคือ บริษัทไทคอน อินดัสเทรียล คอนเนคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำการให้บริการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมของไทย โดยบริษัทฯและ FRASERS มีสัดส่วนการ ถือหุ้นร้อยละ 25และร้อยละ 75ของทุนจดทะเบียนตามลำดับ เพื่อลงทุนพัฒนา และบริหารโครงการโลจิสติกส์พาร์ค และศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 50ไร่ในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพฯ รองรับความต้องการของลูกค้าที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดสอดรับ ทรนด์ธุรกิจยุคดิจิทัล โดยบริษัท สหไทย เทอร์มินอล จำกัด (มหาชน) หรือ PORTเป็นผู้ให้บริการท่าเรือเอกชนครบวงจรรายใหญ่ของประเทศไทยโดยให้บริการ1.ธุรกิจการให้บริการท่าเทียบเรือเชิงพาณิชย์ครบวงจรสำหรับ เรือขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Feeder) และเรือขนส่งสินค้าชายฝั่ง (Barge)รวมถึงการให้บริการบรรจุสินค้าเข้าและถ่ายสินค้าออกจากตู้ คอนเทนเนอร์ (CFS) และซ่อมแซมทำความสะอาดตู้คอนเทนเนอร์ (Container Depot) 2.ธุรกิจการให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางบก ภายในบริเวณกรุงเทพฯและปริมณฑล บริเวณเขตพื้นที่แหลมฉบัง 3.ธุรกิจการให้บริการพื้นที่จัดเก็บตู้คอนเทนเนอร์และคลังสินค้าโดยให้บริการพื้นที่ลานพักตู้คอนเทนเนอร์ และคลังจัดเก็บสินค้ากับลูกค้า ทั้งที่เป็นเขตให้บริการปกติและปลอดภาษีอากร (Free Zone) ปัจจุบันบริษัทให้บริการแก่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกกลุ่มธุรกิจe-commerce และอีกหลากหลายอุตสาหกรรม4.ธุรกิจการให้บริการ เกี่ยวเนื่องอื่นๆอาทิ การให้บริการFreight Forwarding เป็นต้น