"ธนกร" โว "พปชร." ตั้งรัฐบาลไร้ปัญหา-ราบรื่น ยันต่างฝ่ายต่างให้เกียรติกัน รอ "ปชป." ชุดใหม่ แขวะ "พท."ไม่ได้ดั่งใจแล้วงอแง เย้ยเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านดีกว่า ด้านผู้ช่วย "บิ๊กป้อม" เตือนพลังประชารัฐระวังเกมพลิก "ภท.-ปชป."จับมือขั้วที่ 3จัดตั้งรบ. "ชวน" โยนกก.บห.ชุดใหม่ ตัดสินปิดสวิตช์ "ส.ว.-ร่วมพท." ระบุทุกคนต้องเคารพมติพรรค "องอาจ"ย้ำรอกก.บห.ชุดใหม่ฟันธงร่วมรบ.ขั้วไหน มั่นใจไร้งูเห่า ด้าน "เพื่อไทย"วอน "ปชป.-ภท."จับมือ "พท" ปิดประตูวงจรอุบาทว์ พาประเทศเดินหน้าสู่เสถียรภาพมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง ระบุไม่กังวลเกิดงูเห่า ขู่ลงโทษส.ส.ที่ทรยศต่อปชช. "พิชัย" เตือนปชป.อย่าพลิกลิ้นร่วมงาน"บิ๊กตู่" พร้อมชู"อนุทิน"เหมาะนั่งนายกฯ ขณะที่"สำนักเลขาธิการสภาฯ"เผยเปิดรับรายงานตัวส.ส.ใหม่รวม 5 วัน รายงานตัว338 คน "เรืองไกร"จ่อยื่นศาลปกครอง 13 พ.ค.นี้ หวังล้มประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้เป็น"โมฆะ" เพื่อให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่ได้สัดส่วนคะแนนตามที่ ปชช.เลือกเข้ามา"ซูเปอร์ โพล" เผยคนไทยเครียดเรื่องการเมือง-ไม่มีความสุข เมื่อวันที่ 12 พ.ค.62 นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ ว่า ขณะนี้ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถ้อยทีถ้อยอาศัย ซึ่งเป็นการหารืออย่างไม่เป็นทางการ พรรคพลังประชารัฐให้เกียรติพรรคที่จะมาร่วมงานด้วย และพรรคที่จะมาร่วมงานต่างก็อยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ซึ่งบางพรรคก็คงต้องรอการหารือตามกระบวนการภายในพรรคก่อน ดังนั้นเราต้องให้เกียรติ ขณะเดียวกันพรรคประชาธิปัตย์เองก็ต้องรอการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ให้เสร็จก่อน ยังมีเวลาในการเจรจา ขอให้ใจเย็นๆ ตนมั่นใจว่าจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน ทุกอย่างไม่ได้มีปัญหาตามที่มีกระแสข่าวลือต่างๆ ออกมา แต่เมื่อทุกอย่างเป็นทางการแล้วพรรคจะแถลงข่าวอย่างแน่นอน นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุพรรคที่จะมาร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐหักหลังประชาชนหรือไม่นั้น ตนมองว่าเป็นการพูดที่ใช้ไม่ได้ เพราะทุกพรรคมาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย มาจากประชาชนที่อยากเห็นบ้านเมืองสงบสุขทั้งสิ้น คำพูดดังกล่าวจึงเป็นการดูถูกประชาชนด้วย ขณะเดียวกันถ้าหากพรรคการเมืองที่ถูกพูดถึงไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าโฆษกพรรคเพื่อไทยคงไม่ออกมาพูดแบบนี้ ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องให้เกียรติพรรคอื่นหรือคนที่เห็นต่างด้วย ไม่ใช่ว่าเมื่อพรรคพลังประชารัฐได้จัดตั้งรัฐบาลก็เลยพาลออกมาตีโพยตีพาย ไม่ได้ดั่งใจก็เลยงอแง พรรคเพื่อไทยควรเตรียมตัวเป็นฝ่ายค้านที่ดีจะดีกว่า ขณะที่ นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกฯ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmong kol ระบุว่า "พปชร. จะดูแคลนข่าวขั้วที่3จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้เด็ดขาด! เพราะทันทีที่ ภท.หรือปชป.รับเป็นนายกฯจะมีเสียงส.ส.รวมกันถึง357เสียง ถ้า ส.ว.โหวตให้ แค่ 19 เสียงหรืองดออกเสียงสัก20เสียง การเมืองก็พลิกแล้ว เมื่อครั้งลุงจิ๋วลาออกจากตำแหน่งนายกฯ แค่เวลา 4 วัน น้าชาติมัวเอ้อระเหย ผมไปเตือน 2 ครั้ง ท่านก็ยังมั่นใจ สถานการณ์ จัดรัฐบาลก็พลิกแล้ว เสร็จพี่หนั่น! ตอนนี้เวลามีอีกหลายวัน จึงประมาทไม่ได้" ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัว หน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุจะมาเชิญชวนพรรคประชาธิปัตย์ร่วมปิดสวิตช์ ส.ว. ในการเลือกนายกฯ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีใครมาเชิญต้องรอหลังวันที่ 15 พ.ค. ที่จะมีการเลือกหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะเป็นตัวแทนพรรคในการให้ความเห็นและตัดสินใจ เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย นายชวน กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปตัดสินใจอะไรแทนหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งสัปดาห์นี้ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย เมื่อถามว่า มองอย่างไรถึงที่มาของส.ว.ชุดใหม่ ที่ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ นายชวน กล่าวว่า มาพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตั้งแต่ต้น และเห็นอะไรหลายอย่างที่ไม่สอดคล้องกับแนวทางประชาธิปไตยเท่าที่ควร แต่เมื่อกฎหมายออกมาแล้วทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวการจับขั้วพรรคการเมืองที่ 3 เพื่อตั้งรัฐบาล ว่า เป็นแค่ข่าวลือ แต่ในความเป็นจริงในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ต้องรอมติที่ประชุมร่วมระหว่างส.ส.และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่จะได้ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ จึงยังไม่มีการตัดสินใจ จะร่วมกับซีกไหนทั้งสิ้น เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่สมาชิกพรรค มีความเห็นต่างจากมติพรรคหรือมีงูเห่าเกิดขึ้นนั้น นายองอาจ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่มี เมื่อพรรคมีมติอย่างไร สมาชิกก็ต้องดำเนินการตามมติ และเชื่อว่าหลังจากนี้ จะมีข้อเสนออีกจำนวนมาก ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องมาชั่งใจว่าอะไรเกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีผู้ใหญ่ของพรรคหลายคน แสดงท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ร่วมกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นการปิดประตูตายในการไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายองอาจ กล่าวว่า ขอย้ำว่า ทุกอย่างยึดมติจากที่ประชุมร่วมเป็นหลัก ส่วน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า อยากขอเตือนพรรคการเมืองทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยให้รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้กับประชาชนก่อนการเลือกตั้ง ที่เคยบอกไว้ว่าไม่เห็นด้วยกับการสืบทอดอำนาจเผด็จการ และไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ก็อยากให้ทำจริง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเรียนรู้บทเรียนได้ดีที่สุด จากการที่สมาชิกพรรค ร่วมกันเป่านกหวีด จนต่อมาเกิดการปฏิวัติรัฐประหาร และถูกแช่แข็งมากว่า 5 ปี พอเลือกตั้งเสร็จพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ก็เอาทั้งบุคลา กรและคะแนนเสียงไปเกือบหมด จนพรรคประชาธิปัตย์ ต้องประสบความล้มเหลวอย่างหนัก ในประวัติศาสตร์ของพรรค แม้แต่ ส.ส. ใน กทม. ก็ยังไม่ได้สักคน เพราะประชาชนสมัยนี้จำได้ดีว่าพรรคการเมืองใดทำอะไรไว้บ้าง และหากพรรคประชาธิปัตย์ยังพลิกลิ้นยอมไปร่วมรัฐบาลกับ พล.อ.ประยุทธ์ อนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ ก็อาจจะถึงกับหมดสิ้นได้ ซึ่งก็ต้องคอยดูว่าจะเป็นจริงไหม นายพิชัย กล่าวอีกว่า ส่วนพรรคภูมิใจไทยส่วนตัวแล้วเห็นว่ามีโอกาสสูงที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล จะได้เป็นนายกฯและเหมาะสมอย่างยิ่ง หากนายอนุทินจะรักษาคำพูดที่ให้ไว้ก่อนการเลือกตั้ง และยอมร่วมรัฐบาลกับฝั่งประ ชาธิปไตย หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ ทางด้าน นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้มีการประกาศรับรองส.ส.อย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้ในทางคณิตศาสตร์ ตัวเลขส.ส.ของแต่ละพรรคถือว่านิ่งแล้ว การจัดตั้งรัฐบาลจึงมีความชัดเจนมากขึ้น พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองพันธ มิตร ที่ยึดถือระบอบประชาธิปไตยเป็นหัวใจหลัก รวม 7 พรรค ได้ประกาศจับมือเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ตั้งแต่มีผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งจุดยืนของเรา เวลานี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามตนมองว่า สภาผู้แทนราษ ฎรชุดที่กำลังจะเข้ามาทำหน้าที่ ถือว่าเป็นชุดประวัติศาสตร์ที่มีพรรคการเมืองเข้ามามากที่สุด ทั้งนี้เป็นไปตามการออกแบบรัฐธรรมนูญและวิธีการคำนวณส.ส.ที่ไม่ต้องการให้คะแนนทิ้งน้ำ เลยทำให้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงจากประชาชนมาก ต้องแบ่งคะแนนไปให้พรรคเล็กที่ได้คะแแนนไม่ถึงส.ส.พึงมี นับว่าเป็นกติกาที่เป็นธรรมแบบประหลาด "ขณะที่การรวมเสียงจากฝ่ายเดินหน้าประชาธิปไตยที่มีเพื่อไทยเป็นแกนนำ เวลานี้ยังมั่นใจในจำนวนตัวเลข และไม่กังวลต่องูเห่าที่จะเกิดขึ้น เพราะยุคนี้ประชาชนรู้ทัน และพร้อมลงโทษส.ส.ที่ทรยศต่อประชาชน ส่วนอีกฝ่ายที่มีภาพการสืบทอดอำนาจ และได้คะแนนเสียงน้อยกว่า ก็ยังเดินหน้ารวมเสียงตั้งรัฐบาล เมื่อเป็นเช่นนี้ พรรคประชาธิปัตย์ และ พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีตัวเลขส.ส.ที่สามารถสร้างเสถียรภาพให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ในการเป็นรัฐบาล แต่ยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนทางการเมือง และอยากเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองเก่าแก่ที่ยึดถืออุดมการณ์เสรีประชาธิปไตย รวมถึงพรรคภูมิใจไทยที่ประกาศฟังเสียงประชาชน ต้องตัดสินใจนำประเทศออกจากเชื้อเผด็จการอย่างเด็ดขาด ด้วยการไม่ไปร่วมเป็นส่วนสำคัญในการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ในรูปแบบพรรคการเมือง ขอให้ตัดสินใจมาร่วมสร้างประชาธิปไตย จับมือปิดประตูวงจรอุบาทว์ พาประเทศเดินหน้าสู่เสถียรภาพมีรัฐบาลที่เข้มแข็ง ด้วยการเลือกฝ่ายบริหารด้วยส.ส.ที่มาจากประชาชน อย่างแท้จริง ปิดสวิตซ์ ส.ว.แต่งตั้งจากคสช. ไม่ให้มีโอกาสใช้อำนาจหนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่ออีก สำคัญที่สุดคือต้องฟังเสียงหัวใจตัวเองที่เคยสัญญากับประชาชนด้วย เพราะคนเราที่สุดแล้วไม่ควรโกหกตัวเอง" นายอดุลย์ เชียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา'35 กล่าวถึงสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงนี้ว่า สถานการณ์ขณะนี้กำลังเข้าสู่เดทล็อคและทางตัน เนื่องจากการรวมเสียงส.ส.ของฝ่ายการเมือง2ขั้ว มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแบบปริ่มน้ำไม่ว่าฝ่ายใดตั้งรัฐบาลได้รัฐบาลหน้าก็ไร้เสถียรภาพ ขาดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ มีทางเดียวที่จะฝ่าทางตันนี้ได้คือการร่วมกันตั้งรัฐบาลช่วยชาติ ตามที่คณะกรรมการญาติวีรชนฯเสนอ เป็นที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ข้อเสนอของคณะกรรมการญาติวีรชนฯได้รับการขานรับ หลายฝ่ายมองเห็นวิกฤติรออยู่ข้างหน้า จึงเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการสร้างการเมืองขั้วที่3ในขณะนี้แต่ไม่ใช่เพื่อต่อรองเก้าอี้อย่างเดียวแต่ต้องเป็นขั้วที่3เพื่อฝ่าทางตันการเมืองสร้างรัฐบาลสามัคคี ปรองดอง ช่วยชาติให้ก้าวพ้นวังวนความขัดแย้งในช่วง10ปีที่ผ่านมานี้ให้ได้ หาก4พรรคคือ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา ซึ่งรวมกันแล้วได้ 116 เสียงจับมือกันแน่นก็จะเป็นตัวแปรสำคัญ แล้วรวมกับ2ขั้วการเมืองคือ เพื่อไทย อนาคตใหม่ และพลังประชารัฐ รวมทั้งพรรคเล็กให้ได้376เสียง แล้วเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งในสภาผู้แทนฯ500คนที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายก็สามารถตั้งรัฐบาลได้ นายอดุลย์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์แคนดิเดตนายกฯ ต้องเสียสละประกาศวางมือส่งไม้ต่อให้รัฐบาลหน้าลงจากอำนาจอย่างสง่างามแล้วไปทำหน้าที่ช่วยชาติด้านอื่นโดยที่ไม่ควรมีฝ่ายใดตามเช็คบิล หากทุกฝ่ายยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตนละวางอคติทางการเมืองลงได้เช่นนี้ เชื่อว่าเราจะได้รัฐบาลใหม่ที่มีเสถียรภาพสร้างความสันติสุขแก่ประเทศชาติได้ เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏออกมาและมีขั้วที่ 3 โดยพรรคการเมืองฝ่ายที่ต้องการขจัดคราบเผด็จการออกไป โดยไม่เสียเลือดเนื้อ ในฐานะผู้สูญเสียจากเจตนารมณ์ ประชาชนในเดือนพ.ค2535 จึงขอวิงวอนสังคมไทยได้ทบทวนอย่างรอบคอบเพื่อบ้านเมืองของเรา วันเดียวกัน ที่รัฐสภาแห่งใหม่ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดรับรายงานตัว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เป็นวันที่ 5 โดยบรรยากาศตั้งแต่เวลา08.30-12.00น. พบว่ามีส.ส.ใหม่ ทยอยเข้ารายงานตัวค่อนข้างบางตาเนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ โดยมีจำนวนส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ มารายงานตัวจำนวน 5 คน โดยเป็นพรรคประชาธิปัตย์ 4 คนได้แก่ นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอภิชัย เตชะอุบล ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ และพรรคพลังประชารัฐ 1 คน ได้แก่ นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ ส.ส.นครปฐม ทั้งนี้รวมส.ส.ที่มารายงานตัว จนถึงขณะนี้มี จำนวน 338 คน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ในวันที่ 13พ.ค.เวลา 10.00 น. จะไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองกลางให้มีคำสั่งเพิกถอนการประกาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อของกกต.และขอให้ศาลสั่ง กกต.ให้จัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้พรรคใหญ่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อกลับคืนมาตามสัดส่วนคะแนนที่ประชาชนเลือก เนื่องจากเห็นว่าการประกาศผลส.ส.บัญชีรายชื่อ 149คนของกกต.ไม่ถูกต้อง นำคะแนนเสียงไปจัด สรรให้พรรคเล็ก 11 พรรค ทั้งที่พรรคเหล่านี้มีคะแนนไม่ถึงเกณฑ์พึงมี ทำให้คะแนนเสียงพรรคใหญ่ตกน้ำ โดยไร้เหตุผล เช่น พรรคอนาคคใหม่ มีคะแนนตกน้ำ 561,245 คะแนน พรรคประชาธิปัตย์ 256,857 คะแนน พรรคพลังประชารัฐ 229,034 คะแนน พรรคเหล่านี้เสียส.ส.บัญชีรายชื่อไปหลายคน ขณะที่พรรคเล็ก 11 พรรคมีคะแนนเพิ่มขึ้นมา 234,640 คะแนน แต่กกต.อธิบายไม่ได้ว่า คะแนนที่เพิ่มขึ้นนั้น มาจากหน่วยใด เขตใด หรือไปเอาของพรรคใดมาเติมให้ ดังนั้นการประกาศรับรองส.ส.บัญชีรายชื่อที่ผ่านมาจึงไม่ถูกต้อง ถูกมองว่า พรรคใหญ่โดนยักย้ายถ่ายเทคะแนนไปให้พรรคเล็กตามอำเภอใจ เรื่องนี้จึงปล่อยผ่านไปไม่ได้ ทั้งนี้ตนพร้อมไปโต้เหตุผลในเวทีสาธารณะทุกแห่ง เพื่อพิสูจน์ความจริง ขณะที่ สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจกรณีการรับรอง ส.ส.แบบแบ่งเขต แบบบัญชีรายชื่อและการเข้าสู่ตำ แหน่ง ส.ว. โดยพบว่าร้อยละ 76.24 ประชาชนไม่เห็นด้วยกรณี กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขต จำนวน 349 เขต จาก 350 เขต เพราะควรประกาศให้ครบทั้ง 350 เขต และมีหลายจุดที่พบข้อสงสัย ทำให้มองว่าการทำหน้าที่ของกกต.ไม่เป็นกลางไม่ชัดเจน และร้อยละ83.15 ไม่เห็นด้วยกรณีที่มีการลาออกของ 15 รัฐมนตรี เพื่อไปดำรงตำแหน่ง ส.ว.เพราะเหมือนเป็นการเตรียมการณ์ไว้แล้ว และเป็นผู้ที่มีความใกล้ชิดกับพล.อ.ประยุทธ์ จึง ทำหน้าที่ไม่เป็นกลาง ดูแล้วไม่ค่อยเหมาะสม ร้อยละ85 ไม่เห็นด้วยกรณี คสช. เตรียมลาออก เพื่อไปดำรงตำแหน่ง ส.ว. เพราะอยากให้เข้ามาเพื่อช่วยเหลือทำประโยชน์แก่บ้านเมืองอย่างแท้จริงไม่ได้เข้ามาเพื่อต้องการกุมอำนาจ ด้าน นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่องการเมืองปัจ จุบันกับความสุขของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.9 ระบุการเมืองปัจจุบันส่งผลกระทบทำลายความสุขของประชาชน และเมื่อจำแนกตามเพศ พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นชาย ร้อยละ 43.9 มีสัดส่วนของผู้ที่ระบุความขัดแย้งทางการเมืองเพิ่มขึ้นมากกว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นหญิง ร้อยละ 41.5 ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่เป็นเยาวชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 58.1 ระบุความขัดแย้งทางการเมืองเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาการชุมนุมในปี 2557 มากกว่ากลุ่มตัวอย่างผู้ตอบแบบสอบถามกลุ่มวัยอื่นคือ วัยกลางคนร้อยละ 35.0 และคนสูงวัยร้อยละ 47.2 ที่ระบุความขัดแย้งทางการเมืองจะเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาการชุมนุมประท้วงในปี 2557 /////////////