ปูดอีก “ปชป. ภท. ชทพ.” ขอเปลี่ยนตัวผู้จัดตั้งรัฐบาล ชี้ "สมคิด" กินรวบกระทรวงเศรษฐกิจให้เฉพาะพวกพ้อง ปล่อยเพื่อนรุมแทะกระดูก สวนกระแส 5 ปี แก้ความยากจนล้มเหลว ขณะที่สส.ใหม่พรรคขนาดกลางออกอาการลังเล เครียดจัด หนุน “ลุงตู่” เป็นนายกฯ เหตุสังคมรุมสับคสช. สืบทอดอำนาจ-หวั่นเสียงปริ่มน้ำไปไม่รอด วันที่ 11 พ.ค. แหล่งข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) เปิดเผยว่า ยอมรับว่าแกนนำ พปชร.บางส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล ต้องการกระทรวงเศรษฐกิจเกรดเอไว้กับพปชร.ไว้ทั้งหมด เชื่อว่าการเจรจากับพรรคขนาดกลาง และพรรคการเมืองต่างๆ จะยังไม่ได้ข้อยุติง่ายๆ โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเสียง 52 เสียง และ พรรคภูมิใจไทยที่มีเสียง 51 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนาที่มีเสียง 10 เสียง ที่ไม่เห็นด้วยโดยเฉพาะท่าที่ของนายสมคิด ที่จะยึดกระทรวงเศรษฐกิจล็อคไว้ที่คนของตัวเองเพียงกลุ่มเดียว รวมทั้งตลอดระยะเวลา5ปี ที่ดูงานด้านเศรษฐกิจ ประชาชนเดือดร้อน สินค้าเกษตรตกต่ำ ชาวบ้านยากจนเพิ่มขึ้นและ หาก3พรรคดังกล่าวยินยอมก็ไม่สามารถผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของตัวเองได้ จึงมีเสียงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เปลี่ยนตัวผู้จัดตั้งรัฐบาล เพื่อให้การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคต่างๆราบรื่นขึ้น หรือ ยอมปล่อย กระทรวงเศรษฐกิจ หรือ รมช. กระทรวงเศรษฐกิจออกไปบ้างเพราะตำแหน่งนายกฯ และ กระทรวงด้านความมั่นคงอาทิ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม ก็อยู่ในมือพปชร.อยู่แล้ว "ก่อนหน้านี้พรรคขนาดกลาง ยังหวั่นกระแสสังคมที่มีต่อ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรองหัวหน้าคสช. และ นายอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ที่เป็นคสช. เข้ามาในครม.ชุดหน้าโดยไม่ผ่านการเลือกตั้งแตกต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งท่ามกลางกระแสล่าสุดที่ไม่ยอมรับการสืบทอดอำนาจ จากการแต่งตั้งส.ว.สรรหาจำนวน 250 คน ที่เน้นระบบพี่น้องและการเข้ามาจากคนในแม่น้ำ 5 สาย จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่ตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่" แหล่งข่าวพปชร. เผยเสียงสะท้อนจากพรรคขนาดกลาง แหล่งข่าวจากพปชร. กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จากการหารือกับ ส.ส.ใหม่ ของพรรคขนาดกลางหลายคน ยังเป็นกังวล 2 ประเด็นใหญ่ คือ 1.การเป็นรัฐบาลของพปชร. เสียงปริ่มน้ำ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลมีส.ส.มากกว่าฝ่ายค้าน แค่ 10 เสียง ไม่สามารถจะผ่านมติในสภาฯไปได้อย่างราบรื่น เพราะในความเป็นจริง รัฐมนตรีที่เป็นส.ส.จะต้องมาร่วมประชุมสภาฯและอยู่ลงมติทุกครั้งซึ่งเป็นไปไม่ได้ รวมทั้งคนเป็นประธานและรองประธานสภาฯ ปกติตามมารยาททางการเมืองจะไม่ลงมติ 2.กระแสการต่อต้านจากสังคมและฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทยที่จะเกิดขึ้นทั้งในสภาฯและนอกสภาฯตลอดเวลา อาทิ เช่น การสืบทอดอำนาจจกคสช. ทั้งในครม. และ แต่งตั้งส.ว. ที่เอาแต่ญาติพี่น้อง พรรคพวกเพื่อนฝูงและคนใกล้ชิดและมีปัญหาอื้อฉาว มาทำงานต่อโดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง ซึ่ง จะลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและทุกพรรคการเมืองที่ร่วมงานข้างหน้า “เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ดี เพราะเป็นพรรคที่คร่ำหวอดกับการเมือง กรณีประยุทธ์เป็นนายกฯด้วยคะแนนเสียงปริ่มน้ำ กระแสสังคมไม่ยอมรับ การบริหารประเทศติดขัด ต้องวุ่นอยู่กับปัญหาการเมืองแบบรายวัน ในที่สุดรัฐบาลประยุทธ์ก็อาจไปไม่รอด พรรคขนาดกลาง จึงกำลังใคร่ครวญอย่างหนัก และ พวกเขายอมรับว่าเครียดมากในการตัดสินใจ ซึ่งปชป. จะคุยเรื่องนี้ภายหลังเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเรียบร้อยในวันที่ 15 พ.ค. นี้ ว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย ขอเวลาไปหารือกับส.ส.ในวันที่ 16 พ.ค. นี้ก่อนเช่นกัน ” แหล่งข่าวจากพปชร. เปิดเผย