"ศาลอุทธรณ์"พิพากษายืน สั่งจำคุก 50 ปี "จุฑามาศ"อดีตผู้ว่าฯททท.รับสินบนข้ามชาตินักธุรกิจมะกันจัดงานบางกอกฟิล์ม ด้าน"ลูกสาว"ลดโทษเหลือคุก 40 ปี พร้อมสั่งยกคำขอสั่งริบเงินทำผิด 62 ล้านบาท ชี้อัยการโจทก์ไม่ได้ขอท้ายคำฟ้อง ขณะที่ช่วงฟ้องเป็นกฎหมายเก่า ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อวันที่ 8 พ.ค.62 ศาลอ่านคำพิพาษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และน.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาว ในความผิดฐานเรียกรับทรัพย์สิน หรือจะยอมรับทรัพย์สิน เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในหน้าที่ ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ และความผิดบานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบกรณีนางจุฑามาศ เรียกรับสินบนและแนะนำให้นายเจอรัลด์ และนางแพทริเซีย กรีน สองสามี-ภรรยานักธุรกิจชาวอเมริกัน ตั้งบริษัทเข้ามาเป็นคู่สัญญากับ ททท. เพื่อจัดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ เมื่อปี 2546 โดยน.ส.จิตติโสภาบุตรสาว ร่วมกระทำผิดด้วยการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารในต่างประเทศ เพื่อรับเงินสินบนจากสามี-ภรรยานักธุรกิจ จำนวน 59 รายงาน เป็นจำนวนเงิน 1,822,294 เหรียญสหรัฐฯ โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนางจุฑามาศ 50 ปี ส่วนน.ส.จิตติโสภา ศาลพิพากษาจำคุก 44 ปี และศาลริบทรัพย์ที่กระทำผิดกว่า 62 ล้านบาท ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่าการที่ศาลสหรัฐฯ ตัดสินจำคุก 6 เดือน สองสามี-ภรรยาชาวอเมริกัน ในข้อหาให้สินบนเจ้าหน้าที่ต่างประเทศนั้น สอดคล้องกับคำให้การขอพยานที่เบิกความเกี่ยวกับคดีนี้ เห็นว่าที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย จำเลยที่ 1 มีความผิดตามฟ้อง สั่งลงโทษรวม 66 ปี แต่ตามกฎหมายคงจำคุกจำเลยไว้ 50 ปี ส่วนจำเลยที่ 2 จากพยานหลักฐานไม่ปรากฏว่าได้ร่วมกระทำความผิดในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ ปี 2550 พิพากษาแก้โทษจำคุกจำเลยที่ 2 เหลือ 40 ปี และให้ยกคำขอเรื่องการยึดทรัพย์จำเลยที่ 2 กว่า 1.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้ตกเป็นของแผ่นดิน