สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหนังสือ สั่งให้กองบังคับการตำรวจนครบาล4 ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง กรณีมีชายคนหนึ่งฆ่าตัวตายและเขียนจดหมายลาตาย เนื้อหาพาดพิงถึงตำรวจสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย ว่า เรียกรับสินบนทำคดี ซึ่งจ่ายเงินไปแล้ว คดีไม่คืบหน้า ทำให้ต้องตัดสินใจฆ่าตัวตาย ล่าสุดคำสั่งย้าย พ.ต.ท.ให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.บก.น.4 จนกว่าจะสอบสวนแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 7 พ.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจาก พบจดหมายลาตายที่ถูกพบข้างศพของนายไพวัลย์ แซ่ลี้ ภายในห้องเลขที่ 207 อาคารพักอาศัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เนื้อหาในจดหมายระบุว่า นายไพวัลย์ได้นำรถกระบะไปจำนำไว้เมื่อต้นปี 2561 ภายหลังต้องการไถ่รถคืนแต่ไม่สามารถติดต่อคนรับจำนำได้ จึงแจ้งความดำเนินคดีแก่คนรับจำนำกับสน.โชคชัย โดยมีพันตำรวจโทประทวน พนักงานสอบสวนเรียกเงิน 3,000 กับค่าสืบอีก 2,000 บาท นายไพวัลย์ จึงจ่ายไป แต่ปรากฏว่า จนถึงปัจจุบันคดีก็ไม่มีความคืบหน้า จึงตัดสินใจฆ่าตัวตาย ทั้งนี้นายไพวัลย์ ฆ่าตัวตายด้วยวิธีรมควัน มีคนไปพบศพหลังเสียชีวิตไปแล้ว 2 วัน โดยนายไพวัลย์ระบุในจดหมายว่า ไม่มีครอบครัวและญาติพี่น้อง ทรัพย์ทั้งหมดขอบริจาคให้กับเจ้าหน้าที่มูลนิธิ ที่จัดการเรื่องศพให้ และขอความเป็นธรรมให้ตำรวจติดตามเรื่องคดีให้ด้วย    สำหรับความคืบหน้าล่าสุดเบื้องต้นได้มีคำสั่งให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนคดีนี้ พร้อมดำเนินการทางวินัยกับ พ.ต.ท.ประทวน หลังจากพบความบกพร่องว่าทำคดีล่าช้า และไม่แจ้งความคืบหน้าผลการดำเนินคดีให้กับผู้เสียหาย โดยมีคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.บก.น.4 จนกว่าจะสอบสวนแล้วเสร็จ พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีหนังสือสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยมี พลตำรวจตรีพลธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 ได้เรียกตัวพนักงานสอบสวนคนดังกล่าวเข้ามาประจำที่ ศปก.น.4 ขณะนี้อยู่ในช่วงทำการสอบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.จักรภัณฑ์ จันทรอุทัย ผกก.สน.โชคชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ประทวน เป็นพนักงานสอบสวนที่ทำงานดี ไม่เคยมีประวัติเสียหาย ไม่เคยถูกร้องเรียนถึงพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ แต่ยอมรับว่าเป็นคนทำงานช้า ขณะที่จากการสอบสวนเบื้องต้น พ.ต.ท.ประทวน ยืนยันว่าไม่ได้รับสินบน แต่ไม่ได้แจ้งให้ผู้เสียชีวิตทราบว่าสามารถจับกุมคนร้ายที่ยักยอกทรัพย์ไปแล้ว 1 ราย ตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนเรื่องความผิดทางวินัย ขณะนี้ทาง บก.น.4 ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทำคดีล่าช้า และไม่รายงานผลความคืบหน้าคดีต่อผู้เสียหายให้ทราบ ขณะที่เรื่องทางอาญา ต้องดำเนินการตรวจสอบ และหาพยานหลักฐานว่าเป็นไปตามที่ระบุไว้ในเนื้อหาของจดหมายลาตายของผู้เสียหายหรือไม่ ด้านพล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 4  (ผบก.น.4) กล่าวว่า ตนได้กำชับให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรวดเร็วและรอบคอบ โดยให้รายงานผลการตรวจสอบภายในเวลา 5 วัน ทั้งนี้จากการพูดคุยกับ  พ.ต.ท. คนดังกล่าวพบว่ามีข้อบกพร่องบางประการอยู่ในการรับแจ้งความ ฯลฯ ที่เห็นชัดเจน ซึ่งส่วนนี้จะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน ส่วนด้านอื่นๆจะต้องมีการพิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหากพบว่ามีส่วนราชการอื่นเกี่ยวข้องด้วย ยืนยันว่าบุคคลนั้นๆจะต้องถูกสอบสวน ลงโทษด้วยเช่นกัน