ยุวนิตย์ นิติพน นักธุรกิจสาวที่เคยคร่ำหวอดในแวดวงอีเวนต์ การตลาดและโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่ธุรกิจด้านความงาม ด้วยการปั้นแบรนด์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของตนเอง จากประสบการณ์ตรงที่เธอดูแลตัวเองมาตลอดตั้งแต่แรกรุ่น จนทำให้คุณต้องร้องว้าว หากทราบอายุตามบัตรประชาชน 'ยุวนิตย์'พูดคุยกับ ID-TALK ถึงชีวิตและงานของเธอ รวมทั้งไลฟสไตล์ที่เปี่ยมพลัง ในวัยเด็ก “ยุวนิตย์” หรือ “จิ๋ม” ใช้ชีวิตอยู่เชียงใหม่กับมารดาซึ่งมีพื้นเพเป็นคนเชียงใหม่ ในครอบครัวใหญ่แบบโบราณ เมื่อเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ก็ย้ายมาอยู่กับป้าในกรุงทพมหานคร ซึ่งชีวิตในช่วงนี้ต้องอยู่ในกรอบและกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกันก็สอนให้เธอเป็นผู้ใหญ่เกินวัยเพราะต้องดูแลรับผิดชอบตนเอง “อยู่กับคุณป้าต้องเป๊ะทุกอย่าง เลิกเรียนแล้วต้องตรงกลับบ้านอย่างเดียว ห้ามเถลไถล หรือทำกิจกรรมอื่นก็ไม่ได้ แต่ก็ถือว่าโชคดี ที่เราได้ฝึกระเบียบวินัยในการใช้ชีวิต” จากนั้น ชีวิตของเธอก็เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง เมื่อโตขึ้นในระดับมัธยมศึกษา “ยุวนิตย์”ย้ายมาอยู่กับครอบครัวของคุณอา ที่เป็นน้องสาวของคุณพ่อ ที่นี่เอง ที่เปิดโลกของเธอให้รู้จักกับกีฬากอล์ฟ “คุณอาเล่นกอล์ฟอาชีพ เคยเป็นแชมป์ควีนส์คัพหลายสมัย และได้ถ้วยสปอร์ตคลับหลายสมัยเลยค่ะ” ใจจริงตอนนั้น “ยุวนิตย์” ไม่ได้ชอบกีฬากอล์ฟเท่าไหร่นัก เพราะทั้งร้อนและทำให้ผิวคล้ำเสีย แต่การฝึกเล่นกอล์ฟตั้งแต่เด็ก เปิดโลกใบใหม่ให้กับเธอ เพราะได้มีโอกาสร่วมก๊วนดูแลผู้หลักผู้ใหญ่ในวงสังคมหลายท่าน และได้ช่วยงานคุณอาที่สมาคมกอล์ฟสตรี เมื่อพี่ชายซึ่งเป็นลูกของอา กลับมาจากต่างประเทศ จึงได้เปิดบริษัทเพื่อทำรายการทีวี และอีเวนต์ต่างๆ คือ บ.สปอร์ตพลัส ที่นี่เอง ที่เธอได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปบริหารงานและมีอำนาจการตัดสินใจแบบเต็มตัว ซึ่งได้ทำรายการทีวีแอคชั่นฮอลิเดย์ ทำหนังสือแอคชั่นสปอร์ต ถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาดังๆหลายรายการ ไตรกีฬาคนเหล็กมิตซูบิชิ โดยเป็นเจ้าแรกที่ทำตั้งแต่กีฬานี้ ยังไม่เป็นที่นิยม และมีได้มีโอกาสทำสารคดีสั้น 1 นาที ทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 สี โดยบ.ซิลเวอร์แบ็ก ซึ่งได้เวลาช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่เป็นช่วงที่ดีมากๆ มากกว่า 10 ช่วงเวลา ในการผลิตสารคดีสั้น เช่น รายการคู่หูคู่บ้าน ไทยเที่ยวไทย “คติในการทำงานคือ เต็มที่กับทุกงานที่ได้รับโอกาสมา” ผลงานที่ประทับใจคือ บริษัทได้รับความไว้วางใจจากโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ให้จัดประกวดนางสาวไทย ในปี 2542 ปีที่ แพทย์หญิง อภิสมัย ศรีรังสรรค์ หรือ “หมอเบิร์ท” ได้ครองมงกุฎนางสาวไทย ถือว่าเป็นงานที่ภาคภูมิใจอย่างมาก และได้มีโอกาสดูแลการปฏิบัติภารกิจของนางสาวไทยในนามของบริษัทด้วย “ต้องขอบพระคุณคุณอาและพี่ชายที่ให้โอกาสในการทำงานและไว้วางใจให้ดูแลงานแทนเรียกว่าทำทุกอย่างเองหมด ตั้งแต่หาลูกค้า ขายงานให้ลูกค้า ดูแลงานผลิต ประสานงานกับช่องทำรายการทีวี ทำอยู่หลายปี สนุกมากและชอบมาก เพราะได้ออกไปเจอพี่ๆเอเยนซี เจอลูกค้าตลอด ไม่ชอบนั่งทำงานอยู่แต่ในสำนักงาน” อย่างไรก็ตาม หลังโลดแล่นในวงการไม่นาน จังหวะชีวิตก็เปลี่ยน เมื่อทางผู้ใหญ่ได้เข้ามาบริหารและดูแลบริษัที่เกี่ยวกับยุทธภัณฑ์ของทหาร จึงได้เข้ามาเรียนรู้ในงานธุรกิจด้านนี้ โดยทำหน้าที่ดูแล ประสานงานติดต่อต่างๆ เป็นเลขาให้กับคุณอา ทำให้เธอกลับมาเล่นกอล์ฟอย่างจริงจังอีกครั้ง และเป็นจุดเริ่มต้นให้สนใจการอบรมหลักสูตรต่างๆ เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองได้มีโอกาสในการเรียนร้อีกครั้ง ทั้งหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงหลายหลักสูตร หลักสูตรสสสส ของสถาบันพระปกเกล้าและล่าสุด หลักสูตรนักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง หรือนยปส.รุ่น 10 ของ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. “การเรียนนี่ถือว่า เราได้ประโยชน์อย่างมากเป็นการเรียนรู้เฉพาะทางที่ใช้ระยะเวลาสั้นๆแต่คุ้มค่ามาก จะเลือกเรียนในหลักสูตรที่เราสนใจจริงๆ ตรงกับเราและคิดว่าความรู้ที่ได้รับ จะนำมาใช้ประโยชน์กับตัวเองในชีวิตจริงได้” สำหรับงานอดิเรกยามว่างของเธอนั้น หากเธอสนใจเรื่องใดแล้ว ก็มักจะเข้าไปศึกษาอย่างจริงจัง เช่นเข้าอบรมในระยะสั้นๆ ไม่ว่าจะเป็น การทำอาหาร ขนมต่างๆ เครื่องปั้นดินเผา สกรีนผ้า มัดย้อม หรือการตัดเย็บเสื้อผ้า ที่ไปเรียนอย่างจริงจังจนได้รับรางวัลออกแบบตัดเย็บทีเดียว นอกจากนั้น ยังเรียนรู้เรื่องการนวดกดจด การใช้ไม้ขูดเส้น คล้ายเส้น ดูลายเซ็น หากมีเวลาว่างพร้อมกันกับสามี ก็มักจะเดินทางท่องเที่ยวไปในประเทศและต่างประเทศ ด้วยสามีเป็นคนชอบถ่ายภาพและศึกษาการถ่ายภาพ ทำให้มักจะได้ภาพสวยๆกลับมาในทุกทริป และอาชีพของสามีเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสัตว์น้ำ ทำให้เธอมีโอกาสเข้าไปใช้ความสามารถทางด้านอาหาร ช่วยเขียนคอลัมน์ในหนังสือเกี่ยวกับกุ้ง โดยเขียนเองและทำอาหารด้วยเมนูที่ใช้กุ้งเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหารเป็นเมนูง่ายๆ เอง ปรุงเสร็จก็ถ่ายภาพเองและรับประทานกันเอง ส่วนการออกกำลังกาย นอกจากกอล์ฟแล้ว เธอยังยกเวตและเดินสายพาน และการดูแลสุขภาพคือการทำอาหารรับประทานเอง ทำให้สามารถดูแลตัวเองได้ดี เลือกและควบคุมอาหารได้ ขณะที่สิ่งที่เธอตั้งใจและภาคภูมิใจในตัวเองอีกเรื่องหนึ่ง คือการบริจาคเลือดทุกสามเดือน ล่าสุดคือครั้งที่76 เธอตั้งใจไว้ว่า ต้องถึง100ครั้งให้ได้ ***จินตนา จันทร์ไพบูลย์