วันนี้ ( 3 พฤษภาคม 2562 ) ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา ฯ เพื่อตรวจสอบราคาข้าวโพดที่ปลุกหลังนาแทนการปลูกข้าวนาปรังของรัฐบาล หลังจากที่ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดว่าราคาตกต่ำ ขายได้ราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก นายประสิทธิ์ ก๋ายะ ประธานวิสาหกิจชุมชน กลุ่มรวบรวมผลผลิตการเกษตร อ.ภูซาง เปิดเผยว่า เกษตรที่นำข้าวโพดมาขายทุกคนทำตามนโยบายของรัฐบาล ที่สนับสนุนให้ปลูกข้าวโพดหลังการทำนาปีแทนการทำนาปรัง เกษตรก็ให้ความมือ แต่เมื่อข้าวโพดออกมาราคากลับดิ่งเหว คนทุนคนกลางเป็นผู้กำหนดราคาขายไม่ใช่รัฐบาล ทำให้เกษตรกรขายได้ราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ทำให้ขาดทุนย่อยยับ และทางวิสาหกิจชุมชนต้องมารองรับปัญหาด้วยการช่วยซื้อในราคาที่เกษตรกรไม่ขาดทุนมากนักเมื่อเทียบกับการนำไปขายให้นายทุนคนกลางโดยตรง แต่ถ้ารัฐอยากช่วยเหลือเกษตรกรก็ขอให้ช่วยเรื่องน้ำมันและค่าขนส่งจึงจะทำให้ชาวบ้านและวิสาหกิจชุมชนอยู่ได้ พร้อมตำหนิรัฐบาลที่ไม่เคยให้ข้อมูลราคาตลาดเลย เกษตรกรต้องขายตามไซโลกำหนด บางวันราคาลดลงถึง3ครั้ง จึงหมดกำลังใจที่จะรับซื้อและเลิกกิจการไปเลย ในขณะที่นายจันทร์ แสงงาม เกษตรบ้านต้นผึ้ง 76 ม.3 ต.ป่าสัก อ.ภูซาง จ.พะเยา เปิดเผยว่าปลูกข้าวโพดกว่า 20 ไร่ ซึ่งต้นทุนอยู่ที่5บาทเศษๆ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ย ยาฆ่าแมลงและแรงงาน แต่พอผลผลิตออกกลับขายได้ในราคา4.80-4.90บาท และมีแนวโน้มราคาตกลงไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้เกษตรกรตายอย่างเดียว แต่ถ้ารัฐจะช่วยพอให้เกษตรได้พอลืมตาอ้าปากได้บ้างราคาข้าวโพดควรจะอยู่ที่ 5.50 บาท ถึงจะอยู่จะได้มีเงินคืน ธกส. มีเงินไปใช้หนี้ค่าปุ๋ย ค่ายาและบางบ้านเงินจากการขายข้าวโพดคือเงินที่จะต้องนำไปซื้อเสื้อผ้า ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนและเสียค่าเทอม