วันศุกร์ ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.30 น.ที่โกดังสินค้า ถนนวงแหวนรอบกลาง ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.(ปป)/ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ต.อ.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบ.ตร.(สส), พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป6)/รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร.,พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3/ผอ.ศป.ปส.ทภ.3, นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส.,พล.อ.ธีรวัฒน์ บุญยะวัฒน์ เสธ.ทบ./เลขาฯกอ.รมน.,พล.ท.กิตติธัช บุพศิริ ผอ.ศปป.2 กอ.รมน.,นายศุภชัย เอี่ยมสุวรรณ ผวจ.เชียงใหม่,นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ รอง ผวจ.เชียงใหม่, พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รอง มทภ. 3, พล.ต.วิชิต วงค์สังข์ ผบ.กกล.ผาเมือง, พล.ต.ต.รุ่งสุริยา เผือกประพันธ์ ผบก.ตชด.ภาค 3 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส., พล.ต.ต.อาชวันต์ โชติกเสถียร รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส.,พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.กรณ์ณพัชญ์ กิตติพิบูลย์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ขุนณรงค์ ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผบก.ปส.2/ โฆษก บช.ปส., พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 ,พล.ต.ต.กิตติ สะเภาทอง ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.บัญชา ปั้นประดับ ผบก.สกส.บช.ปส., พล.ต.ต.ชยพจน์ หาสุณหะ ผบก.ขส.บช.ปส., พล.ต.ต.ภาณุวิชญ์ ทองยิ้ม ผบก.อก.บช.ปส. พล.ต.ต.ภรศักดิ์ นวนหนู ผบก.ประจำ บช.ปส., พ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีรย์ รอง ผบก.อก.บช.ปส.,และ พล.ต.ท.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่3 , พล.ท.สุภโชค ธวัชพีระชัย มทน.3 , พล.ต.สัญชัย รุ่งศรีทอง ผบ.กกล.สุรศักดิ์มนตรี/ผอ.ศอ.ปส.ชอน.บ. สำนักปราบปราบยาเสพติด โดยนายคณิศร ภาพีรนนท์ ผอ.ปป.4 , นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.ปป.6 ร่วมแถลงข่าวจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายสำคัญ โดยจับกุมนายภูสิงห์ ภูมิรุ่งวิกรัย , Mr.Yang chih kal สัญชาติไต้หวัน , Mr.Kao wei chih สัญชาติไต้หวัน ,น.ส.ศิริพร ศิริไพรวงศ์ พร้อมด้วยของกลาง รวมจำนวน 10 รายการ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท2 (เคตามีน) ชนิดผงสีขาว จำนวนประมาณ 50 กิโลกรัม ,กระเป๋าเสื้อผ้า ขนาดใหญ่ , ตู้ลำโพง จำนวน 5 ตู้ ,รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีขาว ทะเบียน งบ-6668เชียงใหม่ ,รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีเทา ทะเบียน งจ-7518 เชียงใหม่ รถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ต-8763กทม. โทรศัพท์มือถือจำนวน 5 เครื่อง พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่าตามนโยบายรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2561 ให้ดำเนินการลดการแพร่ระบาดของยาเสพติดในพื้นที่ชุมชน, สถานศึกษา, โรงเรียนและสถานประกอบการ และข้อสั่งการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 และวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ได้สั่งการให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการบูรณาการ ขับเคลื่อนแก้ปัญหาให้เกิดผลสัมฤทธิ์ภายใน 3 เดือน โดยการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด และปฏิบัติการกดดันทุกรูปแบบ มุ่งต่อชุมชนชายแดนที่เป็นแหล่ง ช่องทางนำเข้า และแหล่งพักยาเสพติด ในพื้นที่ภาคเหนือ สกัดกั้นลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในประกอบกับสถานการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ในห้วงที่ผ่านมายังปรากฏข่าวสารและการจับกุมยาเสพติดในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสืบสวน ปรากฏว่ากลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ในการสั่งการ และกลุ่มที่ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดหลายกลุ่มเครือข่ายด้วยกันมีความเชื่อมโยงกับบุคคลหลายพื้นที่ ประกอบกับพฤติการณ์ ตามแผนบูรณาการความร่วมมือในการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ตามนโยบายรัฐบาล โดยมีกองทัพภาคที่ 3, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นั้น แม่ทัพภาคที่ 3 ได้มอบหมายแบ่งงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการทำงานร่วมกันโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ดำเนินการปราบปรามและสกัดกั้น ยาเสพติดในพื้นที่ตอนใน และกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด โดยให้มุ่งเน้นเครือข่ายรายสำคัญ เครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ และบุคคลที่หลบหนีหมายจับคดียาเสพติด อีกทั้งให้เน้นการขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวอีกว่าประกอบกับสถานการณ์การลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านผ่านเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ในห้วงที่ผ่านมายังปรากฏข่าวสารและการจับกุมยาเสพติดในปริมาณมากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากการสืบสวน ปรากฏว่า กลุ่มผู้เกี่ยวข้อง ในการสั่งการ และกลุ่มที่ทำหน้าที่ลำเลียงยาเสพติดหลายกลุ่มเครือข่ายด้วยกันมีความเชื่อมโยงกับบุคคลหลายพื้นที่โดยในคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส.และ ป.ป.ส. สืบทราบว่า มีนักค้ายาเสพติดชาวไต้หวัน ร่วมกับคนไทย ลักลอบส่งยาเสพติดโดยซุกซ่อนในเครื่องสำอาง หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปประเทศไต้หวัน ผ่านบริษัทขนส่งสินค้า จึงได้ร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ป.ป.ส., หน่วยปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา- ประจำจังหวัดเชียงใหม่ (DEA), หน่วยสืบสวนพิเศษไต้หวัน( MJIB TAIWAN) และหน่วยกำลังในพื้นที่ เพื่อวางแผนการสืบสวนติดตามพฤติการณ์จับกุม ต่อมา เมื่อวันที่ 1 พ.ค.62 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนพบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวมีความเคลื่อนไหวอย่างผิดปกติ โดยมีการพบปะกันหลายครั้งและแยกย้ายกัน ชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ จนกระทั่งช่วงเย็นเวลาประมาณ 17.00 น. พบ น.ส.ศิริพร ศิริไพรวงศ์ ผู้ต้องหาขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ต-8763 กทม.เข้าไปที่โกดังสินค้า อาคาร A ถนนวงแหวนรอบกลาง ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่ และยกกระเป๋าลักษณะมีน้ำหนักลงจากรถและนำเข้าไปเก็บไว้ในโกดัง โดยมี นายภูสิงห์ ภูมิรุ่งวิกรัย ผู้ต้องหาคอยคุมเชิงอยู่ด้านนอก ต่อมามีชายชาวไต้หวัน และเพื่อน ผู้ต้องหา เข้ามาที่โกดังครู่หนึ่งแล้วออกไป จึงเชื่อว่ามีการลักลอบนำยาเสพติดเข้าไปเก็บในโกดัง ชุดสืบสวนจึงได้จัดเจ้าหน้าที่ซุ่มพรางแฝงตัวอยู่ในพื้นที่เพื่อคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอดเวลา จากนั้นวันที่ 2 พ.ค.62 ชุดสืบสวนจึงได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดเชียงใหม่ เข้าตรวจค้นโกดังสินค้า อาคาร A ถนนวงแหวนรอบกลาง ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จว.เชียงใหม่ ผลการตรวจค้น พบ วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ชนิดผงสีขาว จำนวนประมาณ 50 กิโลกรัม อยู่ภายในโกดัง จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้งสองผ่านล่ามแปล รับว่ายาเสพติดดังกล่าวเป็นของพวกตนและจะทำการแบ่งบรรจุซุกซ่อนในตู้ลำโพง และนำส่งออกทางบริษัทรับส่งสินค้าไปประเทศไต้หวัน เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาว่า “ร่วมกัน ผลิต และ มีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อขาย โดยผิดกฎหมาย”นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนฯ บก.ปส.3 ดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป