เผยได้ติดตามจัดระเบียบนกเพื่อป้องกันพาหะนำโรค-สร้างความเดือดร้อนรำคาญ โดยตั้งแต่เดือนพ.ย.61 จับได้นับพันตัว และเฉพาะในช่วงเตรียมงานพระราชพิธีได้อีกเกือบ 300 ตัว ล่าสุดออกฉีดพ่นไล่นกในจุดเสี่ยง เป็นสารสกัดจากธรรมชาติไม่เป็นอันตรายต่อทั้งนก-คน เพียงทำให้นกระคายเคืองเท่านั้น
เมื่อวันที่ 30 พ.ค.62 เวลา 17.00 น. นพ.พิชญา นาควัชระ รองปลัดกทม.ได้ติดตามการฉีดพ่นสารสกัดจากเมล็ดองุ่นในจุดเสี่ยงที่จะมีนกพิราบเข้ามาในบริเวณใกล้เคียงกับเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน ขบวนพยุหยาตราสถลมารค ในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ประกอบด้วย บริเวณพระแม่ธรณีบีบมวยผม ด้านหลังศาลฎีกา หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนสิบสามห้าง รอบวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร และลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์
รองปลัดกทม.กล่าวว่า กทม.ได้ประชาสัมพันธ์ขอความร่วมมือประชาชนงดให้อาหารนกในสถานที่ต่างๆ เนื่องจากนกพิราบเป็นพาหะนำโรคต่างๆ หลายชนิด นอกจากนี้ ยังสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้ที่อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง โดยดำเนินการต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ย. 61 และสามารถจับนกพิราบได้ 918 ตัว และเฉพาะช่วงการเตรียมงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสามารถจับนกพิราบในจุดต่างๆ ได้มากถึง 282 ตัว จึงขอความร่วมมือประชาชนงดให้อาหารนกในพื้นที่สาธารณะ เพื่อความสวยงามและเป็นระเบียบของบ้านเมือง
ทั้งนี้หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2535 มีโทษปรับ 2,000 บาท และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535 มีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 25,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สำหรับ สารสกัดจากเมล็ดองุ่นที่นำมาฉีดพ่นในวันนี้ เมื่อนกสูดกลิ่นเข้าไปนกจะเกิดอาการระคายเคือง และทำให้นกอพยพออกจากพื้นที่ที่ดำเนินการฉีดพ่น แต่สารสกัดดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อคน ซึ่งในสภาวะอากาศร้อนอย่างในปัจจุบัน สารสกัดจะระเหยหมดไปภายในเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
อนึ่ง จากการสังเกตในพื้นที่ใกล้เคียงกับบริเวณที่ฉีดพ่นสารดังกล่าวพบว่าไม่ปรากฏมีนกพิราบ ซึ่งสารดังกล่าว มีราคาสูง กทม.ได้ระบุที่ผ่านมามีการใช้เฉพาะในพื้นที่พิเศษเท่านั้น