ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (30 เม.ย.62) พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันท์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พร้อมด้วย นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ “คืนคนสุขภาพดี สู่สังคม” โดยมีหน่วยงานองค์กรระหว่างประเทศ ได้แก่ UN Office on Drugs and Crime (UNODC) UNAIDS คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ สภากาชาดไทย สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง และหน่วยงานในสังกัดกรมควบคุมโรค ร่วมในพิธีเปิดโครงการดังกล่าว ณ ทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ด้าน พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับ กรมควบคุมโรค จัดทำโครงการเฝ้าระวังสุขภาพในกลุ่มผู้ต้องขังที่ได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษ “คืนคนสุขภาพดี สู่สังคม” เพื่อเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคล พระราชพิธีบรมราชาภิเษก และเป็นการส่งเสริม พระกรณียกิจ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุฯ ในฐานะทูตสันถวไมตรีโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ ด้านการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค (UNAIDS Good will Ambassador for HIV prevention in the Asia Pacific Region) และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงดำรงตำแหน่ง ทูตสันถวไมตรีด้านการส่งเสริมหลักนิติธรรมและระบบงานยุติธรรมทางอาญาสำหรับภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ จากสำนักงานป้องกันยาเสพติดและปราบปรามอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nation Office on Drug and Crime – UNODC) ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงมีความห่วงใยในคุณภาพชีวิตผู้ต้องขังเป็นอย่างมาก โดยสำนักโรคเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมมือกันจัดบริการดูแลสุขภาพผู้ต้องขังในเชิงป้องกัน และดูแลรักษาอย่างต่อเนื่องในผู้ต้องขังที่เจ็บป่วย ตลอดจนยกระดับและต่อยอดการตรวจสุขภาพก่อนพ้นโทษ เพื่อเฝ้าระวังสุขภาพ และส่งต่อข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ต้องขังที่เจ็บป่วยที่จะได้รับการปล่อยตัวพ้นโทษ พันตำรวจเอก ณรัชต์ฯ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อมูลของกรมราชทัณฑ์ ในปี 2562 ประเทศไทยมีผู้ต้องขังในเรือนจำกว่า 386,000 คน ในแต่ละเดือนมีผู้ต้องขังถูกปล่อยตัวประมาณ 3,000 คน มีผู้ต้องขังใหม่ประมาณ 5,000 คน โดยที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ต้องขังเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ จำนวนมาก เช่น โรคเอดส์ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ วัณโรค โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ต้องขังบางรายเสียชีวิตในเรือนจำ เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องขัง เป็นประชากรกลุ่มเปราะบางทางด้านสุขภาพ ด้วยสภาพของเรือนจำที่เป็นสถานที่ปิด มีผู้ต้องขังที่อยู่รวมกันจำนวนมาก ทำให้มีความเสี่ยงสูงทางด้านสุขภาพ จึงมีความจำเป็นต้องดูแลคัดกรองสุขภาพผู้ต้องขังทั้งที่อยู่ในเรือนจำและก่อนปล่อยตัว เพื่อเป็นการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรค อีกทั้งยังมีผู้ป่วยที่ต้องการรับการรักษาพยาบาล ทั้งภายในเรือนจำและไปรักษาตัวในหน่วยบริการภายนอก เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต ให้ผู้ต้องขังมีสุขภาพร่างกาย และจิตใจ ที่สมบูรณ์พร้อมออกไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวภายหลังพ้นโทษ เป็นการคืนคนสุขภาพดีสู่สังคม