รมว.เกษตรฯ สั่งกรมปศุสัตว์เร่งรัดทำยุทธศาสตร์ไก่ไข่ เพื่อให้ปริมาณการเลี้ยงสมดุลกับความต้องการของตลาด ล่าสุดวันนี้ราคารับซื้อหน้าฟาร์มปรับตัวสูงขึ้นแล้ว คาดเปิดภาคเรียนจะขยับอีก เมื่อวันที่ 29 เม.ย.62 นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์ได้รายงานสถานการณ์ราคาไข่ไก่ซึ่งล่าสุดสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้าและส่งออกไข่ไก่ประกาศราคารับซื้อไข่คละหน้าฟาร์มเป็นฟองละ 2.60 สตางค์ ปรับขึ้นจากช่วงก่อนสงกรานต์ 10 สตางค์ อีกทั้งกลางเดือนพฤษภาคมนี้จะเปิดภาคเรียน การบริโภคไข่ไก่จะมากขึ้น ราคาจึงมีแนวโน้มจะขยับสูงขึ้นอีก ทั้งนี้เป็นผลจากการดำเนินการตามนโยบายตลาดนำการผลิต ปรับลดอัตราการเลี้ยงไก่ไข่สอดคล้องกับความต้องการบริโภค ทำให้ขณะนี้ปริมาณปู่ย่าพันธุ์ไก่ไข่ (GP) ที่อยู่ในระยะให้ผลผลิตมี 3,466 ตัว พ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ (PS) มี 457,879 ตัว และไก่ไข่ยืนกรง (Layer) 46,511,815 ตัว มีผลผลิตไข่ไก่ประมาณวันละ 38 ล้านฟอง ซึ่งเป็นวิธีดำเนินการที่ไม่ต้องใช้งบประมาณรัฐแต่อย่างใด ขณะที่ปริมาณแม่ไก่ยืนกรงที่คณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (Egg Board) กำหนดนั้น ต้องไม่เกิน 50 ล้านตัว ผลผลิตไข่ไก่ไม่เกินวันละ 40 ล้านฟอง ขณะนี้กรมปศุสัตว์เร่งรัดการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ไก่ไข่เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาไข่อย่างยั่งยืน โดยวันนี้ (29 เม.ย. 62) ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำความเข้าใจและในวันพรุ่งนี้ (30 เมษายน) จะเปิดรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงทุกระดับ รวมถึงสหกรณ์และสมาคมผู้เลี้ยงไก่ไข่เพื่อนำมาประกอบการจัดทำร่างยุทธศาสตร์ให้สมบูรณ์ ซึ่งเมื่อกรมปศุสัตว์จัดทำเสร็จแล้ว จะนำเสนอ Egg Board และหาก Egg Board เห็นชอบ กระทรวงเกษตรฯ จะพิจารณานำเสนอครม. เพื่อให้มีผลในการปฏิบัติต่อไป ด้าน นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า ราคาที่ปรับขึ้นล่าสุดนี้เป็นราคาที่เกษตรกรคุ้มทุนและพึงพอใจ ในระยะนี้อากาศร้อนทำให้ไก่ออกไข่น้อยลงและไข่ฟองเล็กลง จนไข่ไก่ขนาดใหญ่คือ เบอร์ 0 และเบอร์ 1 ขาดตลาด แต่ปริมาณไข่ไก่เบอร์ 2 และ 3มีเพียงพอ สำหรับแนวทางการรักษาสมดุลการเลี้ยงให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภคนั้น กรมปศุสัตว์ได้กำกับดูแลมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรัฐมนตรีเกษตรฯ ได้ประสานกับกระทรวงพาณิชย์กำหนดมาตรการต่างๆ เพื่อไม่ให้ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างแน่นอน