วันที่ 29 เม.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีความคืบหน้ากรณี มีข่าวเฟสบุ๊ครายหนึ่งโพสภาพเคลื่อนไหว เหตุกลุ่มวัยรุ่นได้ทะเลาวิวาทกัน ภายในบริเวณโรงพยาบาลประทาย เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลาย ว่า เมื่อวันนี้ 29 เมษายน 2562 เวลาประมาณ 01.00 น. สภ.ประทาย รับแจ้งเหตุกลุ่มวัยรุ่นได้มีเรื่องทะเลาะกันบริเวณ หน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลประทาย อ.ประทาย จ.นครราชสีมา เบื้องพนักงานสอบสวน ,ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ส่วนที่เกี่ยวข้องตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกรวยที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณทางเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลนอนล้มอยู่หลายอันพบกลุ่มวัยรุ่นที่ได้ก่อเหตุทั้งหมด ได้หลบหนีไป จากการสืบสวนสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวน 2 ทะเลาะกันภายในงานแสดงดนตรีลูกทุ่ง บริเวณลานหน้าการไฟฟ้า อ.ประทาย จ.นครราชสีมา มีการขว้างปาสิ่งของใส่กันทำหญิงได้รับบาดเจ็บจำนวน 1 รายนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่สามีและกลุ่มเพื่อนกำลังนั่งรอตนอยู่บริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน อยู่นั้น มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณสิบกว่าคน ที่ทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นอีกกลุ่มภายในงานเป็นเหตุให้ตนถูกลูกหลง และมารักษาตัวที่เดียวกันจึงเกิดการทะเลาะกับกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวเบื้องต้น ไม่พบว่ามีทรัพย์สินของทางราชการได้รับความเสียหายหรือมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุการณ์ดังกล่าว คดีนี้มีความคืบหน้าไป โดยพนักงานสอบสวน สอบปากคำพยานไปแล้วหลายปาก รวมถึงได้รวบรวมพยานหลักฐานสำคัญที่เกี่ยวข้อง เพื่อสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี ตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด ฝากเตือนไปยังกลุ่มวัยรุ่นที่มักใช้ความคึกคะนองและอารมณ์ในการตัดสินแก้ไขปัญหา ไม่เคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง และฝากผู้ปกครองช่วยใส่ใจดูแลอบรมบุตรหลาน ปลูกฝังการตระหนักคิดให้รอบคอบและหาทางออกอย่างสันติวิธี เพราะหากได้กระทำลงไปโดยไม่ทันยั้งคิดแล้วย่อมมีความผิดและต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้เร่งจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เพราะถือเป็นภัยสังคมอย่างยิ่ง พร้อมกันนี้ได้กำชับผู้บังคับบัญชาทุกพื้นที่ ให้กำหนดมาตรการป้องกันเหตุ เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุร้ายขึ้นอีก โดยหากเกิดเหตุต้องติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้โดยเร็ว ทั้งนี้พนักงานสอบสวนต้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ด้วยความรอบครอบ รวดเร็ว เป็นธรรม อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์และพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับผู้ที่ก่อเหตุเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน