“กกต.” เคาะสูตรคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ จ่อชงเข้าที่ประชุมสัปดาห์หน้า พร้อมเร่งเครื่องเตรียมสรุป 400 เรื่องร้องเรียนชง“คณะไต่สวน”คาดเลือกตั้งใหม่เขต8เชียงใหม่ เดือนพ.ค. “ธนาธร” จ่อร้องเลือกตั้งใหม่เขต 4 นครปฐม เหตุมีการซื้อเสียง จี้กกต.เปิดคะแนนรายหน่วยทั้งประเทศ จัด“ฟิวเจอร์ริสต้า” จับทุกขั้นตอนนับคะแนนใหม่นครปฐม ส่วน“ธนกร” วอนเลิกดิสเครดิต“พปชร.-บิ๊กตู่” ชี้อยากเห็นบ้านเมืองสงบ ต้องเคารพกม. ขณะที่“ชัชวาลล์” ประกาศจับมือ“พปชร.”จัดตั้งรบ.ป้องป้องสถาบันฯ เชื่อหลังกกต.รับรองผลเลือกตั้งได้รบ.แน่นอน ห่วงบางพรรคร้อง“ยูเอ็น”ทำประเทศวุ่นวาย “สวนดุสิตโพล” เผยปชช. รอคอยรัฐบาล-นายกฯ คนใหม่ หลังผ่านเลือกตั้ง 1 เดือนเต็ม ขอนักการเมืองที่ดี“ทำตามหน้าที่-รักษาสัญญา” ที่อาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสนามจันทร์ จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 28เม.ย.62พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาการใช้วิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ ว่า ขณะนี้ทาง กกต.อยู่ระหว่างการพิจารณาวิธีการคำนวณ 2-3 สูตร ซึ่งมีทั้งสูตร ที่ทางนักวิชาการเสนอมา และสูตรที่ทางสำนักงาน กกต.เสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) อย่างไรก็ตามในกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งเรื่องวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนั้น ทาง กกต.จะรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาก่อนหรือไม่นั้น ขอเรียนว่ากระบวนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นไปตามกฎหมาย โดยในระหว่างนี้ หากยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาบัญญัติ ทางสำนักงานกกต.ก็จะเสนอเรื่องดังกล่าวไปยัง กกต.เพื่อประกาศผลการเลือกตั้ง ยืนยันว่าทางสำนักงาน กกต. จะเสนอไปตามกฎหมายและกรอบระยะเวลาที่กฎหมายได้กำหนด สูตรที่สำนักงาน กกต. ได้พิจารณาไว้ 2-3 สูตรนั้น คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุม กกต.ในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ เมื่อถามถึง กรณี กกต.ใช้ดุลยพินิจประกาศผลการเลือกตั้งในวันที่ 9 พ.ค.แล้ว แต่หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐ ธรรมนูญ ไม่ตรงจะทำอย่างไร พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ปฎิเสธที่จะตอบคำถาม ระบุเพียงสั้นๆ ว่า เป็นเรื่องที่อยู่ไกลตัว พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ยังกล่าวถึงบรรยากาศการนับคะเเนนใหม่ ในเขตที่ 1 จ.นครปฐม ว่า การนับคะเเนนใหม่ที่มีอยู่ 245 หน่วย จัดชุดนับคะเเนนออกเป็น 61 จุดโดยจุดหนึ่งจะนับ 4 หน่วย เพื่อให้ครบ 245 หน่วย การสั่งให้นับ คะแนนครั้งนี้ถือเป็นการเเสดงความรับผิดชอบของ กกต.แล้ว ส่วนกรณีเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ล่าสุดมีประมาณ 400 กว่าเรื่องที่กำลังพิจารณา เบื้องต้นหากมีมูลก็จะเสนอให้ กกต.ไต่สวน ส่วนกรณีการเเจกใบส้มนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงในแต่ละสำนวน ซึ่งแต่ละเรื่องมีความแตกต่างกันไป ไม่สามารถที่จะไปกะเกณฑ์ได้ ส่วนกรณี กกต.มีมติยกเลิกการเลือกตั้ง และให้มีการเลือกตั้งใหม่ ส.ส.เชียงใหม่ เขตเลือกตั้งที่ 8 นั้น คาดว่าจะมีการจัดเลือกตั้งใหม่ภายในเดือน พ.ค.นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการนับคะแนนใหม่ของเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.นคร ปฐม ว่า เป็นไปอย่างคึกคัก โดยตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีบรรดาฟิวเจอร์ริสต้า ซึ่งเป็นอาสาสมัครของพรรคอนาคตใหม่กว่า 200 คนมารวมตัวกัน เพื่อซักซ้อมทำความเข้าใจ เตรียมร่วมสังเกตการณ์การนับคะแนนใหม่ในครั้งนี้ ด้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าไปสังเกตการณ์การนับคะแนนใหม่ ในเขต 1 จ.นครปฐม ว่า การนับคะแนนใหม่ครั้งนี้เกิดจากการที่ผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่เข้าไปขอคะแนนรายหน่วยกับกกต. ซึ่งเมื่อนำมาบวกกันแล้วเห็นว่าคะแนนเรากลับมาเป็นฝ่ายชนะ ดังนั้นจึงขอให้มีการนับคะแนนใหม่ ซึ่งหากนับแล้วเป็นไปตามที่กกต.ให้มาเท่ากับว่าเราจะพลิกกมาชนะ 4 คะแนน ซึ่งต้องจับตาว่าผลการนับคะแนนครั้งนี้จะมีความผิดปกติจากการนับคะแนนครั้งแรกมากน้อยเพียงใด โดยวันนี้ได้มีการส่งผู้สังเกตการณ์มาร่วมจับตาการนับคะแนนจำนวน 250 คนด้วย เนื่องจากมีประสบการณ์จากการนับคะแนนเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่เราไม่ได้ส่งผู้สังเกตการณ์ลงไปจับตาทำให้ไม่มีหลักฐานมายืนยัน ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเรื่องนี้มากขึ้น นอกจากนี้ก็จะมีการขอให้มีการนับคะแนนใหม่ในเขต 2 จ.นครปฐม เพราะมีปัญหาเรื่องบัตรเขย่ง และขอให้เลือกตั้งใหม่ในเขต 4 จ.นครปฐม เพราะมีปัญหาเรื่องการซื้อสิทธิขายเสียง โดยกรณีนี้อยู่ในชั้นตำรวจแล้ว “สิ่งสำคัญคือทำไมกกต.ถึงไม่ยอมเปิดเผยผลการนับคะแนนรายหน่วยทั่วประเทศ เรื่องนี้ทำให้ประชาชนสงสัย และกังขาว่าทำไมกกต.ไม่เปิดเผย ทั้งที่เราได้ขอให้กกต.เปิดเผยตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังเลือกตั้งแล้ว แต่กกต.ก็ไม่ขยับทำอะไร ดังนั้นในสัปดาห์หน้าเราจะใช้สิทธิของประชาชนภายใต้พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารเรียกร้องให้กกต.เปิดเผยผลการนับคะแนนรายหน่วย ซึ่งยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของความมั่นคง หรือเป็นความลับอะไร” นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯได้รับการแจ้งข้อมูลจากประชาชนเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนของผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเมื่อตรวจสอบยืนยันกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวง พาณิชย์ โดยตรวจสอบหนังสือบริคณห์สนธิ ทะเบียนนิติบุคคล รวมถึงวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดแล้วพบว่า มีผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่จำนวน 11 ราย ปรากฏเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตาม ม.98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ประกอบ ม.42 (3) แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า บรรยากาศการเมืองขณะนี้กลับไปสู่วังวนเดิม มีการโจมตีตอบโต้กันไปมา ใช้วาทกรรมต่างๆ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรกับพี่น้องประชาชน มีแต่สร้างความเบื่อหน่ายและก่อให้เกิดความขัดแย้งในสังคม ทั้ง ๆ ที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว แต่พรรคการเมืองบางพรรค ก็ยังออกมาโจมตีพรรคพลังประชารัฐและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อยู่ตลอดเวลา แต่จะสังเกตได้ว่า พรรคพลังประชารัฐไม่เคยออกมาโจมตีให้ร้ายใครเลย มีแต่ถูกพรรคการเมืองบางพรรคคอยดิสเครดิตตลอดเวลา “วันนี้บ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว น่าจะนำประเทศเดินไปข้างหน้า ปัญหาทุกอย่างก็เข้าสู่กระบวนการยุติ ธรรม ทุกฝ่ายต้องยอมรับกติกาบ้านเมือง ไม่มีใครไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมได้ เมื่อทุกอย่างยุติก็ต้องยอม รับ ไม่เช่นนั้นสังคมจะไม่ปกติสุข อย่างไรก็ตามตนก็ไม่อยากจะออกมาแสดงความคิดเห็นอะไร นอกจากการชี้แจงในสิ่งต่างๆ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจเท่านั้น” วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่โรงแรมปทุมธานีเพลส อ.เมือง จ.ปทุมธานี นายชัชวาลย์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) เป็นประธานการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1 พ.ศ.2562 พรรคพลังท้องถิ่นไท โดยมี ดร.นพดล แก้วสุพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค ศ.ดร.โกวิทย์ พวงงาม ประธานที่ปรึกษายุทธาสตร์ ด้านนโยบาย และรองหัวหน้าพรรค ในแต่ละภาค กรรมการพรรค ตลอดจนสมาชิกพรรค เข้าร่วมการประชุมกว่า200 คน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีวาระสำคัญ ประกอบด้วย การรายงานผลการดำเนินกิจการของพรรคการเมือง ในรอบปีที่ผ่านมา 1.พรรคดำเนินการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่1 /2561 เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2561 ที่โรงแรมลายทอง จ.อุบลราชธานี เพื่อแก้ไขข้อบังคับ คำประกาศอุดมการณ์ และนโยบานพรรค เพื่อให้เป็นไปตาม พรป.พรรคการเมือง 2560 2.พรรคดำเนินการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 2-3 พ.ย. 2561 ที่โรงแรมปทุมธานีเพลส และ ม.กรุงเทพธนบุรี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคพลังท้องถิ่นไท จำนวน29 ตำแหน่ง 3.พรรคดำเนินการจัดหาสมาชิกพรรคในปี 2561 จำนวน 30,373 คน มีสมาชิกพรรคเก่าในรอบปีที่ผ่านมา จำนวน1,426 คน รวมมีสมาชิกพรรคจำนวน 31,819 คน 4.พรรคดำเนินการจัดตั้งสาขาพรรค การเมืองจำนวน4สาขา 4ภาค ตามพรป.พรรคการเมืองประกอบด้วย สาขาลำดับที่ 1 จ.เพชรบูรณ์ สาขาลำดับที่2 จ.ตรัง สาขาลำดับที่ 3 จ.กาฬสินธุ์ สาขาลำดับที่ 4 จ.ชลบุรี 5.พรรคดำเนินการแต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด จำนวน 73 จังหวัด 6.ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ ที่ผ่านมาพรรคพลังท้องถิ่นไท ได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งทั้งหมดจำนวน341 เขต ได้คะแนนรวมทั้งหมด 213,129 (คะแนนอย่างไม่เป็นทางการ) คาดว่าจะมี ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ จำนวน3คน ประกอบด้วย 1.นายชัชวาลล์ คงอุดม 2.ศ.ดร.โกวิทย์ พวงงาม3.ดร.นพดลแก้วสุพัฒน์ ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ส่วนแผนการดำเนินงานในรอบปี2562 1.การขอรับการสนัลสนุนงบประมาณต่อ กองทุนพัฒนาพรรคการเมือง เพื่อสนับสนุนโครงการอบรมส่งเสริมความรู้ประชาธิปไตย เพื่อดำเนินการในสาขาพรรคการเมืองตัวแทนจังหวัด และสมาชิกพรรคการเมือง 2.รับสมัครสมาชิกพรรคการเมืองเพื่อร่วมกิจกรรมทางการเมือง 3.แต่งตั้งตัวแทนพรรคการเมือง ในเขตพื้นที่ที่มีสมาชิกพรรคเกิน 100 คน ขณะเรื่องเพื่อพิจารณา ประกอบด้วย รายงานการเงินในรอบปีที่ผ่านมา และการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับพรรคพลังท้องถิ่นไท ทั้งนี้ นายชัชวาลล์ กล่าวว่า หลังกกต.รับรองผลการเลือกตั้งในวันที่ 9 พ.ค.นี้ เชื่อว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน และสถานการณ์ทางการเมืองจะดีขึ้น เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ หากมีพรรคการเมืองร้องเรียนกันไปมานำไปสู่ความวุ่นวาย นายชัชวาลล์ กล่าวว่า เรื่องนี้มีความกังวลมาก เพราะมีบางพรรคการเมืองไปขอให้ทางยูเอ็นรับรองเป็นรัฐบาล ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้จะเกิดความวุ่นวาย หากมีการเข้ามาแทรกแซงทางการเมือง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเหมือนประเทศซีเรีย เวเนซุเอลา หรือซูดาน ประเทศไทยก็จะแตกแยก ดังนั้นพวกเราจะต้องช่วยกัน บอกคนในท้องถิ่นว่าอย่าออกมาเดินขบวนเรียกร้องทางการเมือง เพื่อให้ประเทศชาติสงบสุข เมื่อถามว่า ทางพรรคพลังท้องถิ่นไทจะเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวว่า เราจะร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะในอดีตสยามรัฐมีความผูกพันธ์กับหม่อมราชวงศ์คึกกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งสร้างสยามรัฐ ขึ้นมาเพื่อปกป้องสถาบันฯ ต่อต้านเผด็จการ แต่เมื่อช่วงนี้มีคนมาทำให้สถาบันฯ สั่นคลอน เราจะไปยืนอยู่ข้างนั้นไม่ได้ ตนก็เหมือนลูกอาจารย์หม่อมราชวงศ์คึกกฤทธิ์ อะไรที่พ่อทำเอาไว้ลูกจะไปยืนฝั่งตรงข้ามพ่อไม่ได้ “ยังไม่มีการร่วมประชุมหารืออะไรกับทางพรรคพลังประชารัฐ ถึงยังไม่ได้พูดคุยเราก็ช่วยอยู่แล้ว” หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าว ด้านสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหัวข้อ “การเมืองไทย หลังเลือกตั้ง” โดยถามถึงสิ่งที่ประชาชนรอคอยหลังจากการเลือกตั้งผ่านมา 1 เดือนเต็ม พบว่า อันดับ 1 ระบุว่า ร้อยละ 40.71รัฐบาลใหม่นายกฯคนใหม่ เมื่อถามต่อว่า คิดอย่างไรต่อ“สถานการณ์ทางการเมือง” ก่อนเลือกตั้งและหลังเลือกตั้ง พบว่า ร้อยละ 38.44ระบุว่า สิ่งที่ดีขึ้น ณ วันนี้ส่วนใหญ่ ระบุว่า มีการเลือกตั้ง ประชาชนได้ออกมาใช้สิทธิของตนเอง ขณะที่ความสับสนทางการเมืองก่อนเลือกตั้งกับหลังเลือกตั้งพบว่าอันดับ 1 ระบุว่า สับสนพอๆ กัน เพราะกกต. ไม่มีความชัดเจน เกี่ยวข้องกับการตีความตามกฎหมาย รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเข้าใจยาก มีการปล่อยข่าวลวงทำให้ประชาชนเกิดความสับสน สุดท้ายสิ่งที่ประชาชนอยากบอกกับนักการเมืองไทย คือ อันดับ 1ระบุ ร้อยละ 50.12เป็นนักการเมืองที่ดี ทำตามหน้าที่ รักษาสัญญา ร้อยละ31.43 2 ระบุว่า ยุติการทะเลาะแบะแว้ง ใส่ร้ายป้ายสี โจมตีกันไปมา และร้อยละ 21.48ระบุขอให้ทุกฝ่ายเห็นแก่ส่วนรวม ร่วมมือกันพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้า