เจาะเฟรม/การะเกด เป็นความจริงที่ว่า ทุกอย่างเมื่อเกิดขึ้นย่อมมีจุดสิ้นสุด เพราะในโลกไม่มีอะไรที่ดำรงอยู่ตลอดกาล แม้กระทั่งสิ่งที่เรารียกว่า ความทรงจำ จริงอยู่ที่ว่า ในทุกครั้งของการพรากจาก ผู้ที่เหลือรอดย่อมแบกรับความทรงจำแห่งการพรากจากนั้นไว้ ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้ว เราไม่ได้ทุกข์เพราะการพรากจาก แต่ทุกข์เพราะความทรงจำที่เคยอยู่ร่วมกันมาต่างหาก ใน AVENGERS  ENDGAME  เราเห็นชัดเจนเลยว่า คนที่เหลือล้วนเป็นทุกข์กับการจากไปของเพื่อนพ้องน้องพี่ที่เคยอยู่ร่วมกันมา เพราะมันเป็นการจากที่ไม่ปกติ และบางคนทุกข์ตรมว่าคนอื่นเพราะเชื่อว่าตนเองไม่ได้ลงมือทำในสิ่งที่ควรทำ อย่างเช่น ธอร์ ที่ไม่ยอมฟันหัวของ ทานอส จนกระทั่งทานอสสามารถดีดนิ้วทำให้คนครึ่งจักรวาลสูญหายไป ในความล้มเหลว บางคนเลือกที่จะโทษคนอื่น และบางคนเลือกที่จะโทษตัวเอง การโทษตัวเองอาจจะดูดีกว่าการโทษคนอื่น แต่ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่ต้องทำคือการแก้ไขตัวเองให้มันดีขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้จมปลักอยู่กับความรู้สึกผิด อย่างที่เราเห็นธอร์ทำกับตัวเอง ในโลกของความจริง เราไม่อาจย้อนหลังไปแก้ใขสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตได้ แต่ในโลกของ  AVENGERS ดูจะแตกต่างกันออกไป เพราะพวกเขามีหนทางที่จะกลับไปแก้ไขอดีต  แต่แก้อย่างไรให้ปัจจุบันไม่เปลี่ยนแปลง และที่สำคัญ มันแก้ได้จริงหรือ เมื่ออีกฝ่ายคือคนในอดีตก็รู้ว่า อดีตกำลังจะถูกแก้ AVENGERS  ENDGAME  หนังที่ดูเหมือนง่าย จึงไม่ง่ายอย่างที่คาดเดา แต่กลับมากไปด้วยความซับซ้อนของชีวิต เพราะการได้เผชิญกับอดีตนั้น มันคือการได้เผชิญหน้ากับตัวเองที่ไม่ได้เป็นแค่จิตสำนึก แต่เป็นตัวเป็นๆ  กระนั้น การได้พบกับตัวเองก็ยังไม่น่าตระหนกเท่ากับการได้เผชิญหน้ากับคนที่เรารักและรักเรา ซึ่งเขาเหล่านั้นได้จากไปแล้วเนิ่นนาน สาระสำคัญของ AVENGERS  ENDGAME  จึงมิใช่การทำสงครามกับทานอสครั้งสุดท้าย แต่มันคือสงครามกับตัวเองหรือเปล่า จริงอยู่ การทำสงครามกับทานอสแล้วชนะคือสิ่งที่เราอยากเห็น และเชื่อได้ว่ามันคงยิ่งใหญ่อลังการณ์งานสร้าง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ผิดหวังในฉาก เพราะรบกันเละ และคนที่หายไปก็กลับมา แต่อีกด้านหนึ่ง คนที่ไม่ได้หายไปในภาคก่อน แต่กลับไม่ได้มาร่วมในสงครามครั้งสุดท้ายก็ยังมี และใครบางคนก็จากลาไปในสงครามครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เรารู้เหมือนกับที่แฟนหนังทุกคนรู้ว่า หนังจะมีการย้อนเวลาในมิติควอนตัม เพื่อกับมาจัดการกับทานอส เหมือนเหมือนอย่างที่หมอแปลกบอกเอาไว้ในภาคก่อนนั่นแหละว่า โอกาศชนะมีเพียงหนึ่งในพันล้าน แต่นั่นเป็นหนทางเดียว ตลอดเวลา ชุดความคิดนี้อยู่ในหัวของเรา และหนังก็เป็นอย่างนั้น คือมีการย้อนกลับไปอดีต แต่มันไม่ง่ายตรงที่ทานอสในอดีตก็รู้ถึงการมาของพวกเขาเช่นกัน ทำนองว่าความลับไม่มีในโลก กระนั้น ถ้าจะสังเกตก็น่าแปลกใจที่ว่า โทนของเสียงดนตรีตั้งแต่ไตเติ้ลมันแตกต่างออกไปจากทุกเรื่อง มันเย็น สงบ      หนังก็เป็นเหมือนกับดนตรีนั่นแหละ เพราะ AVENGERS  ENDGAME  ให้ความรู้สึกว่าเรากำลังดูหนังชีวิตของเหล่าฮีโร่ที่เหลือรอดจากการดีดนิ้วในภาคก่อน     การย้อนเวลาไปในอดีตของเหล่าฮีโร่ แม้ประเด็นสำคัญคือการไปเอาอินฟินิตี้สโตนกลับมาจากการกับทานอส แต่สิ่งที่เขาเจอในระหว่างเส้นทางของเวลานั่นต่างหากที่สำคัญ กัปตันอเมริกา โผล่เข้าไปเจอห้องทำงานของแฟนที่บนโต๊ะทำงานยังมีรูปของเขาวางอยู่ เขาเห็นเธอผ่านแค่กระจกกั้น  เวลานั้น ในใจเขาคิดอะไร ไอรอนแมนอาจโชคดีกว่า เขาโผล่เข้าไปเจอกับพ่อของตัวเอง ในตอนที่เขายังไม่เกิด แต่ยังได้คุยกัน ได้รู้ว่าตอนนี้แม่กำลังท้องตัวเองอยู่ และที่สุด ยังได้กอดกับพ่อ ธอร์ละ ในสภาพที่อ้วนฉุเพราะติดเหล้าไม่เหลือคราบของความเป็นฮีโร่ เขาย้อนเวลาไปเจอแม่ แม่ที่รู้ว่าเขาเดินทางมาจากอนาคต ได้คุยกัน ปลอบโยนกัน ชี้หนทางที่ถูกต้องให้กัน กระนั้น ในการเดินทางครั้งนี้ บางคนก็ตีตั๋วไปเที่ยวเดียว ไม่ได้กลับมา การเดินย้อนเวลาไปในอดีตอันเป็นเงื่อนไขสำคัญของหนัง จึงมีความหมายมากกว่าการไปเอาอินฟินิตี้สโตนกลับมาจัดการกับทานอส แต่มันเป็นการเดินทางย้อนกลับไปเพื่อจัดการกับตัวต่างหาก เมื่อเราตาย แน่นอนว่าความทรงจำของเรา มันจะจบไปพร้อมกับเรา แต่จุดจบเรา มันกลับเป็นการเริ่มต้นความทรงจำให้กับคนที่อยู่ ความทรงจำไม่ใช่สิ่งของที่จะส่งมอบให้กัน แต่มันจะเกิดขึ้นและเติบโตในกันและกันมากกว่า หรือที่สุดแล้ว AVENGERS  ENDGAME  คือหนังชีวิตที่ซ้อนอยู่ในหนังฮีโร่ และฉายชัดขึ้นมากลบทุกอย่าง จนเราต้องบอกกับตัวเอง มันคือบทจบที่งดงามอย่างสุด ขอบคุณจักรวาลมาเวลที่ทำให้เรารู้ว่า อดีตมันมีค่าอย่างไร และถ้าย้อนอดีตได้ ไม่ใช่เพื่อไปแก้ไขให้ถูกใจ แต่ย้อนไปเพื่อซึมซับความประทับใจมากกว่า ขอบคุณภาพจาก www.siamzone.com