นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า การส่งเสริมตลาดในเกษตรกรแปลงใหญ่ ตอนนี้ประสบความสำเร็จ เห็นผลได้ชัดในหลายกลุ่ม ขณะนี้กรมส่งเสริมการเกษตรได้วางกลไกการพัฒนาความเข้มแข็ง โดยผลักดันให้เกิดสมาคมชาวสวนทุเรียน เหมือนสมาคมชาวสวนอื่นๆ ที่เข้มแข็ง เช่น สมาคมชาวสวนมะม่วงไทย โดยให้เกษตรกรเข้าใจสภาพความจริงและวางระบบบริหารจัดการเชิงคุณภาพ รัฐเข้ามาเติบเต็มความรู้และช่วยจัดหาตลาดที่เหมาะสม กำหนดขอบเขตการผลิตและควบคุมคุณภาพการส่งออก โดยตั้งเป้าว่าสมาคมชาวสวนทุเรียนจะต้องเกิดขึ้น นายสำราญ  สาราบรรณ์ ด้าน นายปิยะ สมัครพงศ์ เกษตร จ.จันทบุรี เปิดเผยว่า ปัจจุบันแปลงใหญ่ทุเรียนของ จ.จันทบุรี มีทั้งหมด 8 แปลง โดยผลิตทุเรียนคุณภาพและได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP ทุกแปลง เนื่องจากผลผลิตส่วนใหญ่เน้นทำตลาดส่งออกถึง 70% ส่วนอีก 30% ขายในประเทศและส่งเข้าตลาดแปรรูป แม้สัดส่วนการส่งออกทุเรียนจะมีมากกว่าการบริโภคภายในประเทศ แต่ช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ทุเรียนเป็นผลไม้ค่อนข้างมี ราคาดี ประกอบกับมีการขยายพื้นที่ปลูกมากขึ้น ทั้งในพื้นที่เดิมและพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ ทำให้ผลผลิตทุเรียนมีปริมาณเพิ่มมาก “กลุ่มเกษตรกรที่เข้าร่วมแปลงใหญ่ได้รวมตัวกันเพื่อขยายช่องทางการตลาดในประเทศเพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการทำ MOU กับ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตของประเทศไทยที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของ บริษัทเซ็นทรัล กรุ๊ป ปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 210 สาขา ใน 8 รูปแบบ ในส่วนของทุเรียนแปลงใหญ่ทั้ง 8 กลุ่ม เป็นหนึ่งในสินค้าที่ส่งเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต ตั้งเป้าไว้ ปีละ 1,000 ตัน ปีนี้ส่งไปแล้ว 96 ตัน โดยทุเรียนที่ส่งเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตจะเป็นทุเรียนเกรดพรีเมียม เช่นเดียวกับทุเรียนส่งออก แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่ทุเรียนส่งออกจะตัดที่ความแก่75-80% แต่ทุเรียนที่ขายในไทยตัดอยู่ที่ความแก่100% จึงทำให้มีรสชาติที่ได้คุณภาพไม่แพ้ทุเรียนส่งออกแน่นอน” เกษตร จ.จันทบุรี กล่าว ผลจากการรวมกลุ่มกันเป็นแปลงใหญ่และมีการบริหารจัดการกลุ่มที่เข้มแข็ง สามารถขยายช่องทางการตลาดเพิ่มมากขึ้น กลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่มีความเป็นอยู่ดีขึ้น ส่งผลให้ปีนี้มีเกษตรกรเข้าร่วมแปลงใหญ่ทุเรียนเพิ่มขึ้นถึง 15% และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นไปอีกในปีถัดๆ ไป