แอพพลิเคชั่น 'Zero Bleeds' เปิดตัวในประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ให้บริการแก่ผู้ป่วย ในศูนย์ฮีโมฟีเลียมากกว่า 8 โรงพยาบาลทั่วประเทศ มีผู้ป่วยกว่า 50 รายที่ได้ดาวโหลดไปใช้แล้ว ถือเป็นนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับการรักษา ในรูปแบบสมุดบันทึกดิจิตอลในชื่อ Zero Bleeds App ที่มีไว้เพื่อบันทึกเหตุการณ์เลือดออกและการฉีดยา โดยผู้ป่วยสามารถแบ่งปันบันทึกกับแพทย์ผู้รักษาได้อย่างทันทีเมื่อเลือดออก (Real Time) เพื่อให้เกิดการวินิจฉัยและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
Zero Bleeds เป็นสมุดบันทึกดิจิตอลที่ปลอดภัย การออกแบบให้ใช้งานง่าย ช่วยให้คุณจัดการกิจกรรมได้สะดวก บนหัวใจสำคัญ ช่วยให้คุณ มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในสุขภาพของคุณเอง, ตั้งค่าการแจ้งเตือนและการแจ้งเตือนในเวลาที่เหมาะสม, ควบคุมการเปิดเผยข้อมูล และแบ่งปันกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณ, เก็บบันทึกของคุณไว้ในอุปกรณ์ของคุณหรือบนคลาวด์อย่างปลอดภัย ปัจุบันแอพพลิเคชั่น สามารถดาวน์โหลด ไว้ใช้งานได้ฟรี ในอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต ทั้งระบบ IOS และแอนดรอยด์ สามารถใช้งานได้หลากหลายภาษา ภาษา คือ ไทย, จีน, จีนตัวย่อ, จีนตัวเต็ม, มลายู, อังกฤษ, เกาหลี, เช็ก, เวียดนาม, โปรตุเกส, โปแลนด์, โรมาเนีย
หัวใจสำคัญ ที่แพทย์ และผู้พัฒนา แอพพลิเคชั่น 'Zero Bleeds' ได้พยายามเผยแพร่ การใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้ ให้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ป่วยโรค ฮีโมฟีเลียที่มากขึ้น มาจากความสำคัญ ของการดูแลผู้ป่วยโรคดังกล่าว ซึ่งจากข้อมูล จัดงาน “Hemophilia Thailand 4.0” ในวันที่ 21 เมษายน 62 ที่ผ่านมา จัดโดยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สาขาวิชาโลหิตวิทยาและมะเร็งเด็ก และภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับชมรมผู้ป่วยโรคเลือดออกง่าย ฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย มูลนิธิโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลีย
รศ.พญ.ดารินทร์ ซอโสตถิกุล สาขาวิชาโลหิตวิทยาและมะเร็งเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน สถานการณ์โรค ฮีโมฟีเลียในไทย ในไทยพบมีผู้ป่วยประมาณกว่า 5,000 ราย และมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น ประมาณปีละ 100 ราย
ทั้งนี้โรคเลือดออกง่ายหรือ ฮีโมฟีเลีย จัดเป็นโรคหายาก พบผู้ป่วย 1 คนต่อประชากร 10,000 คน ฮีหากไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยฮีโมฟีเลียจะมีอาการเลือดออกซ้ำๆ นอกจากอาการปวดแล้ว ยังอาจทำให้เกิดความพิการได้ และแม้แต่การเสียชีวิตตั้งแต่ในวัยเด็ก นี่คือเหตุผลที่เราจำเป็นต้องให้ความสนใจกับปัญหา ที่แพทย์และผู้ป่วยกำลังเผชิญอยู่ในวันนี้ เพื่อให้เกิดการวินิจฉัยรวมถึงให้ผู้ป่วยทุกคนได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
“การนำแอพพลิเคชั่น 'Zero Bleeds' มาดูแลผู้ป่วย จึงถือเป็นการนำเทคโนโลยี่ อันก้าวหน้า บนโลกของการสื่อสารยุค 4.0 มาใช้ยกระดับการรักษา สร้างความปลอดภัยแก่ผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแล”
Zero Bleeds เป็นสมุดบันทึกดิจิตอลที่ปลอดภัย การออกแบบให้ใช้งานง่าย ช่วยให้คุณจัดการกิจกรรมได้สะดวก บนหัวใจสำคัญ ช่วยให้คุณ มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในสุขภาพของคุณเอง, ตั้งค่าการแจ้งเตือนและการแจ้งเตือนในเวลาที่เหมาะสม, ควบคุมการเปิดเผยข้อมูล และแบ่งปันกับผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพของคุณ, เก็บบันทึกของคุณไว้ในอุปกรณ์ของคุณหรือบนคลาวด์อย่างปลอดภัย ปัจุบันแอพพลิเคชั่น สามารถดาวน์โหลด ไว้ใช้งานได้ฟรี ในอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ แท็บเล็ต ทั้งระบบ IOS และแอนดรอยด์ สามารถใช้งานได้หลากหลายภาษา ภาษา คือ ไทย, จีน, จีนตัวย่อ, จีนตัวเต็ม, มลายู, อังกฤษ, เกาหลี, เช็ก, เวียดนาม, โปรตุเกส, โปแลนด์, โรมาเนีย
หัวใจสำคัญ ที่แพทย์ และผู้พัฒนา แอพพลิเคชั่น 'Zero Bleeds' ได้พยายามเผยแพร่ การใช้งานแอพพลิเคชั่นนี้ ให้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ป่วยโรค ฮีโมฟีเลียที่มากขึ้น มาจากความสำคัญ ของการดูแลผู้ป่วยโรคดังกล่าว ซึ่งจากข้อมูล จัดงาน “Hemophilia Thailand 4.0” ในวันที่ 21 เมษายน 62 ที่ผ่านมา จัดโดยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย สาขาวิชาโลหิตวิทยาและมะเร็งเด็ก และภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับชมรมผู้ป่วยโรคเลือดออกง่าย ฮีโมฟีเลียแห่งประเทศไทย มูลนิธิโรคเลือดออกง่ายฮีโมฟีเลีย
รศ.พญ.ดารินทร์ ซอโสตถิกุล สาขาวิชาโลหิตวิทยาและมะเร็งเด็ก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ปัจจุบัน สถานการณ์โรค ฮีโมฟีเลียในไทย ในไทยพบมีผู้ป่วยประมาณกว่า 5,000 ราย และมีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น ประมาณปีละ 100 ราย
ทั้งนี้โรคเลือดออกง่ายหรือ ฮีโมฟีเลีย จัดเป็นโรคหายาก พบผู้ป่วย 1 คนต่อประชากร 10,000 คน ฮีหากไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยฮีโมฟีเลียจะมีอาการเลือดออกซ้ำๆ นอกจากอาการปวดแล้ว ยังอาจทำให้เกิดความพิการได้ และแม้แต่การเสียชีวิตตั้งแต่ในวัยเด็ก นี่คือเหตุผลที่เราจำเป็นต้องให้ความสนใจกับปัญหา ที่แพทย์และผู้ป่วยกำลังเผชิญอยู่ในวันนี้ เพื่อให้เกิดการวินิจฉัยรวมถึงให้ผู้ป่วยทุกคนได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
“การนำแอพพลิเคชั่น 'Zero Bleeds' มาดูแลผู้ป่วย จึงถือเป็นการนำเทคโนโลยี่ อันก้าวหน้า บนโลกของการสื่อสารยุค 4.0 มาใช้ยกระดับการรักษา สร้างความปลอดภัยแก่ผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแล”