วันที่ 25 เม.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลเมืองยโสธร ว่าเมื่อวันที่ 24 เม.ย.62 เวลาประมาณ 18.20 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ภายในเขตเทศบาลเมืองยโสธร เบื้องต้น พ.ต.อ.ปณิธาน ยามานนท์ ผกก.สภ.เมืองยโสธร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว โดยทำการควบคุมสถานการณ์ตามขั้นตอนและอำนาจหน้าที่รับผิดชอบของแต่ละส่วนงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจนกระทั่งสถานการณ์เพลิงไหม้คลี่คลาย ในที่เกิดเหตุพนักงานสอบสวน ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานพร้อมทำรักษาสถานที่เกิดเหตุ ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน และประสานการไฟฟ้าเร่งต่อระบบไฟฟ้าให้กับบ้านเรือนพี่น้องประชาชนบริเวณใกล้เคียง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ออกตรจป้องกันเหตุแทรกซ้อน ตามนโยบาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่ต้องการให้ข้าราชการตำรวจได้ยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชน ในการช่วยเหลือบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ด้วยใจบริการอย่างแท้จริง และสิ่งสำคัญยิ่ง เป็นการเสริมสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับข้าราชการตำรวจในการร่วมกัน ”ทำความดีด้วยหัวใจ” โดยในเบื้องต้นสันนิษฐานว่าต้นเพลิงเกิดจากห้องพระจากการจุดธูป ซึ่งพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจะเข้าทำการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุอย่างละเอียด เพื่อหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ว่าต้นเพลิงมาจากจุดใด อย่างไร ภายหลังจากเพลิงสงบลงแล้วและสถานการณ์ปลอดภัย รอง โฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า หลังจากเพลิงสงบ สภ.เมืองยโสธร มีการจัดสายตรวจมา ตรวจตราดูแลความสงบ และป้องกันเหตุแทรกซ้อน พร้อมช่วยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อระบบไฟฟ้าให้กับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้ผลกระทบจนสามารถใช้ไฟได้ปกติ อีกทั้งในเบื้องต้นยังพบว่าไม่มีผู้ใดได้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ในส่วนของมูลค่าความเสียหาย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำพยาน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวชื่ชนเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการเร่งรัดเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชน ได้ทันท่วงทีและเกิดความปลอดภัย มีจิตใจสาธารณะ โดยสามารถเผชิญเหตุ และบูรณาการกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ อีกทั้งผู้บังคับบัญชาลงมากำกับดูแลอย่างใกล้ชิดและจัดการสถานการณ์อย่างเป็นระบบ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับข้าราชการตำรวจโดยทั่วไป ยึดถือเป็นแนวในการปฎิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนตามหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริง