รวบแก๊งโคลัมเบีย ก่อเหตุลักทรัพย์ 4 ราย อีก 2 รายอยู่ระหว่างออกหมายจับ พบเคยเคยก่อคดีในลักษณะนี้มาแล้วและเพิ่งพ้นโทษออกมาก่อนจะถูกผลักดันออกนอกประเทศ แต่คนร้ายได้ทำการเปลี่ยนชื่อและทำหนังสือเดินทางกลับมาก่อเหตุซ้ำ เมื่อเวลา12.00น. วันที่10 ธ.ค. พล.ต.อ.สุวิระ ทรงเมตตา ที่ปรึกษา สบ.10 พร้อมด้วยพ.ต.ท.กฤษฎาพร ปานโปร่ง รองผกก.(สอบสวน)ภ.3 พ.ต.ท.ปรเมษฐ โพยนอก รองผกก.สส.สน.บางเขน พ.ต.ท.เสน่ห์ มณีฉาย สว.สส.สน.บางเขนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนสน.บางเขน ควบคุมตัวผู้ต้องหา4 คน ประกอบด้วยนายฌอน ปิแอร์ แอนเดรส นายเอนริก้า ออตเต้า นายเบญจามิน อีเซล โมโกยอน โลเปซ และนายเช็ค มูหามัด สาลีม ราธพุธ พร้อมหมายศาลเลขที่ค.5/2560 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 166/566 หมู่บ้านณัฐกานต์ 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กทม. ซึ่งเป็นบ้านของผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ชาวโคลัมเบียใช้เป็นสถานที่แบ่งทรัพย์สินที่ออกตะเวนลักทรัพย์มาเมื่อช่วงเดือน พ.ย.59 ที่ผ่านมา โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นอาคารพานิชย์ 2 ชั้นมีรั้วรอบขอบชิด เนื้อที่ประมาณ30 ตารางวา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการแสดงหมายค้นแก่ผู้ต้องหา ก่อนจะเข้าทำการตรวจค้นสถานที่ใช้แบ่งทรัพย์สินเกิดขึ้นที่บริเวณชั้นล่าง พล.ต.อ.สุวิระ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมแก๊งโคลัมเบียซึ่งร่วมกันใช้รถยนต์ตระเวณตามหมู่บ้านก่อนจะเข้าไปลักทรัพย์เป็นตู้เซฟภายในบ้าน โดยเริ่มก่อเหตุตั้งแต่พ.ย.จนถึงปัจจุบันจำนวน 6 ครั้ง ซึ่งคนรายได้ก่อเหตุครั้งล่าสุดภายในหมู่บ้านสัมมากร ซอยรามคำแหง 11 ซึ่งคนร้ายได้ทรัพย์สินเป็นทองคำน้ำหนักกว่า 1 กิโลกรัม เครื่องเพชร และเงินสดจำนวนหนึ่ง ก่อนที่คนร้ายจะนำทรัพย์สินทั้งหมดมาแบ่งกันที่บ้านหลังนี้ แต่สุดท้ายถูกตำรวจตามมาจับกุมจึงยังไม่ได้แบ่งทรัพย์สินกันได้สำเร็จ และยังไม่ได้นำทรัพย์สินที่เตรียมจะไปขายยังโรงงานแปรรูปเครื่องประดับที่เราได้ทำการจับกุมไปก่อนหน้านี้วันนี้จึงเดินทางมาตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆที่อยู่ในบ้านหลังนี้เพื่อประกอบสำนวนคดี พล.ต.อ.สุวิระ กล่าวต่อว่าในส่วนของที่เกิดเหตุที่ต่างท้องที่กัน ก็จะมีพนักงานสอบสวนในแต่ละพื่นที่จะได้เดินทางมารับตัวผู้ต้องหาไปดำเนินการสอบสวนและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพต่อไป สำหรับผู้ต้องหาแก๊งนี้มีทั้งหมด 6 คน ถูกจับกุมไปแล้ว 4 คน และอีก 2 คน อยู่ระหว่างการออกหมายจับคือนายเฟอร์นันโด่และนายมาร์โค่ ซึ่งนายเฟอร์นันโด่ทำหน้าที่เป็นคนคอยนำทองหรือเพชรที่ได้มานำไปแปรรูปที่ร้านเครื่องประดับย่านบางพลัด ที่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ไปก่อนหน้านี้ เมื่อทางร้านได้รับของก็จะทำการแปรรูปทรัพย์สินทันทีก่อนจะส่งไปขายที่ประเทศโคลัมเบีย พล.ต.อ.สุวิระ กล่าวอีกว่าสำหรับเป้าหมายที่คนร้ายจะลงมือก่อเหตุส่วนใหญ่จะเป็นหมู่บ้านต่างๆ ที่เชื่อว่าน่าจะมีทรัพย์สินอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าตามหมู่บ้านต่างๆจะมีเจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยอยู่ก็ตามแต่คนร้ายก็ยังมีเทคนิคต่างๆในการเข้าไปภายในหมู่บ้านทำการโจรกรรมทรัพย์สินและหลบหนีออกมาได้ โดยคนร้ายจะเลือกหมู่บ้านที่มีการรักษาความปลอดภัยที่หย่อนยาน จึงอยากจะฝากเตือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่าให้เข้มงวดและมีวินัยในการตรวจสอบยานพาหนะหรือบุคคลที่เข้าออกหมู่บ้านเพื่อป้องกันการเกิดเหตุ พล.ต.อ.สุวิระ กล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ต้องหาทั้งหมดเคยก่อคดีในลักษณะนี้และเพิ่งพ้นโทษออกมาก่อนจะถูกผลักดันออกนอกประเทศไป แต่คนร้ายได้ทำการเปลี่ยนชื่อและทำหนังสือเดินทางกลับมาอย่างถูกกฎหมายและก่อเหตุซ้ำอีก ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับคำสั่งจากท่านรองยานกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการกวาดล้างแก๊งโคลัมเบียอย่างจริงจังและกระบวนการที่ให้การสนับสนุนให้ยุติการกระทำความผิดทั้งหมด ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมปรับปรุงระบบฐานข้อมูลตรวจคนเข้าเมือง เพื่อป้องกันอาชญากรข้ามชาติ แฝงตัวเข้าประเทศไทยในคราบนักท่องเที่ยว โดยจะจัดทำระบบสแกนลายนิ้วมือใหม่ ให้ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าออก ทำการสแกนลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว เพื่อยืนยันตัวบุคคลที่แท้จริง เนื่องจากที่ผ่านมา อาชญากรข้ามชาติที่เคยถูกจับกุม มักจะเปลี่ยนชื่อนามสกุล และหนังสือเดินทางใหม่ เพื่อหลบเลี่ยงการถูกจับกุม เบื้องต้นคาดว่า น่าจะปรับปรุงระบบแล้วเสร็จภายในปลายปีนี้