"ขั้วหลากหลาย" สลาย"ระเบียบโลกใหม่"

เป็นธรรมดาของสรรพสิ่งทั้งหลาย ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ตามเหตุปัจจัยพาไปให้เป็น ไม่มีข้อยกเว้นแม้กระทั่ง หลักการที่บัญญัติโดยมหาอำนาจโลก อย่าง "ระเบียบโลกใหม่" หรือ "นิว เวิลด์ ออร์เดอร์ (New World Order)" ของ "สหรัฐอเมริกา" ฉายา "พญาอินทรี" มหาอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก ณ ชั่วโมงนี้ พ.ศ.นี้ โดยความเป็นมหาอำนาจโลกของพญาอินทรีที่ว่า ทะยานก้าวขึ้นบัลลังก์ นั่งแท่นเบอร์ 1 สืบมาตั้งแต่การล่มสลายของอดีตสหภาพโซเวียตรัสเซีย เมื่อช่วงต้นของคริสต์ทศวรรษ 1990 พร้อมๆ กับหลักการ "ระเบียบโลกใหม่" หรือ "นิว เวิลด์ ออร์เดอร์" ที่ผู้นำสหรัฐฯ ในสมัยนั้น คือ "ประธานาธิบดีจอร์จ เอช.ดับเบิลยู. บุช" หรือ "บุชผู้พ่อ" ประกาศให้โลกได้รับรู้เมื่อปี พ.ศ. 2534 (ค.ศ. 1991) ในอันที่จะทำให้สหรัฐฯ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางอำนาจหมายเลขหนึ่งของโลก แบบที่มีขั้วเดียว มิใช่สองขั้วหลัก เฉกเช่นครั้งที่โลกคุกรุ่นด้วยบรรยากาศของ "สงครามเย็น" ที่เผชิญหน้ากันระหว่าง ฟากโลกเสรีประชาธิปไตย กับค่ายสังคมนิยม คอมมิวนิสต์ ทว่า สืบมาถึงบัดนี้ ทาง "นายเซอร์ไก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย" ก็ออกมาบอกว่า "ระเบียบโลกใหม่" ถูกท้าทายจนเซระส่ำ แบบถึงขั้นโดนย่ำ จนหลักการข้างต้น ใกล้ที่จะกลายสภาพเป็น "อาทิตย์อัสดงคต" คือ ถลำดิ่งด่ำเข้าสู่สภาวะตะวันตกดินเข้าไปทุกขณะ เหตุปัจจัยอันทำให้ระเบียบโลกใหม่ของพญาอินทรีสหรัฐฯ ต้องอยู่ในอาการสาหัส กับสภาพการณ์เช่นนั้น เจ้ากระทรวงการต่างประเทศแห่งแดนพญาหมี คือ นิกเนมของรัสเซีย แสดงทรรศนะสอดคล้องกับบรดานักวิเคราะห์ หลายประการด้วยกัน เริ่มจากความกังขา ผสมผสานกับความไม่พอใจ จากบรรดาชาติที่ถูกสหรัฐฯ กระทำ ตลอดจนชาติที่เป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ เองก็ตามที จากการดำเนินในหลักการของ" นิว เวิลด์ ออร์เดอร์" ของสหรัฐฯ ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา โดยในบรรดาประเทศที่ถูกสหรัฐฯ กระทำนั้น ก็ถูกกระทำในลักษณะที่เป็นอันธพาล เช่น อิรัก ที่ถูกสหรัฐฯ ทั้งในสมัยของ "บุชผู้พ่อ" ที่ประกาศ "นิว เวิลด์ ออร์เดอร์" และประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ในสมัยต่อมา รวมถึง "บุชผู้ลูก" ส่งทหารกรีธาทัพเข้าไปย่ำทำ "สงครามในอิรัก" โดยมีทรัพยากรน้ำมันเป็นบำเน็จกำนัลมือ จนทำให้ประเทศแห่งนั้นไปสู่สภาวะไร้ขื่อแป เป็นอนาธิปไตย นานนับทศวรรษ แม้ตราบถึง ณ พ.ศ.นี้ เองก็ตาม การทำสงครามตัวแทน ผ่านกองกำลังติดอาวุธต่างๆ ใน "ซีเรีย" ภายใต้นาม "สงครามกลางเมืองแห่งซีเรีย" โดยสหรัฐฯ ให้ความสนับสนุนต่อกองกำลังฝ่ายกบฎที่ต่อต้านรัฐบาลดามัสกัส รวมถึงชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ด จน "ซีเรีย" มีสภาพบ้านป่าเมืองเถื่อนเฉกเช่นเดียวกับ "อิรัก" เพราะถึงขนาดที่ขบวนการก่อการร้ายอย่าง "กลุ่มรัฐอิสลาม" หรือ "ไอเอส" หรือที่หลายคนเรียกว่า "ไอซิส" ใช้พื้นที่ของประเทศขับเคลื่อนขบวนการ เขย่าขวัญโลก แม้สืบมาจนถึงปัจจุบัน การเข้าไปสนับสนุนฝ่ายต่อต้าน จนนำไปสู่การโค่นล้ม พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบีย ต้องพังครืนไปในที่สุด การเข้าไปอยู่เบื้องหลังในความวุ่นวายในเวเนซุเอลา และสนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอิหร่าน ส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ก็ได้ดำเนินมาตรการกำแพงภาษีกับบรรดาประเทศคู่ค้า ไม่เว้นกระทั่งชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ด้วยกันเอง นอกเหนือจากชาติคู่แข่งอย่างจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงรัสเซีย ที่ถูกสหรัฐฯ เป็นผู้นำในการคว่ำบาตร หรือแซงก์ชัน ทางเศรษฐกิจ บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะว่า ทางการวอชิงตัน คือ รัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ไม่ผิดอะไรกับคนที่เมาสุรา หลังจากร่ำ "ค็อกเทล" ซึ่งเปรียบได้กับ "ค็อกเทลแห่งอำนาจของระเบียบโลกใหม่" ที่ตนปรุง ผสมขึ้นมาดื่ม จนเกิดอาการ "เมาในอำนาจ" ด้วยประการฉะนี้ หลายชาติ แม้กระทั่งชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ก็คลางแคลงใจในการดำเนินหลักการ "นิว เวิลด์ ออร์เดอร์" ตลอดช่วงกว่า 2 ทศวรรษเป็นต้นมา ซึ่งนอกจากกังขา คลางแคลงใจแล้ว ก็ยังหมดศรัทธา ต่อศรัทธา ที่แสดงออกแม้กับชาติพันธมิตรด้วยกันเอง ยกตัวอย่าง "เยอรมนี" ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีหญิง "อังเกลา แมร์เคิล" ที่ล่าสุด ได้ปะทะคารมกับ "รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ แห่งสหรัฐฯ" จากกรณีที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ รายนี้ ได้คัดค้านต่อแผนการก่อสร้าง "นอร์ด สตรีม 2" ซึ่งเป็นท่อลำเลียงก๊าซและน้ำมันจากรัสเซีย เข้ามายังภูมิภาคยุโรป รวมทั้งเยอรมนีเองด้วย เจ้ากระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย ยังระบุด้วยว่า เพราะไม่พอใจต่อ "ระเบียบการจัดโลกใหม่" ของสหรัฐฯ ข้างต้น หลายชาติเริ่มจับไม้จับมือในอันที่จะนำไปสู่กลุ่มความร่วมมือแบบขั้วหลากหลาย (Multipolar) มากขึ้น ทั้งทางการเมืองระหว่างประเทศ และเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ยกตัวอย่าง "บริกส์ (Brics)" อันกอปรด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ เป็นต้น ก็ส่อเค้าส่งสัญญาณว่า "ระเบียบโลกใหม่" สหรัฐฯ อาจมีต้องล่มสลายเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ในสมัยอดีตประธานาธิบดีวูดโรว์ วิลสัน ผู้ให้กำเนิด "นิว เวิลด์ ออร์เดอร์"หลังไฟสงครามโลกครั้งที่ 1 ดับมอดลง ?...............