“บิ๊กตู่”ย้ำ“ปีมหามงคล”ขอคนไทยรัก“สามัคคี” ลั่น “รัชกาลนี้ต้องเกิดความสงบ” ใครทำผิดต้องถูกลงโทษ “ลูกป๋าเหนาะ”ร้องกกต.ขอจัดเลือกตั้งใหม่เขต 9 กทม.ยกเขต พร้อมร้องคู่แข่งใช้เลห์กลแจกทรัพย์สิน 19 ครั้ง ขณะ ที่ “7 พรรคเล็ก” แท็คทีมยื่นขอตั้ง “รัฐบาลสามัคคีสร้างชาติ” พร้อมชงสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ด้าน“กลุ่มการเมืองภาคปชช.”ร้องขอกกต.ส่งศาลฎีกาตัดสิทธิ“เสรีพิศุทธ์” พร้อมเสนอ “บิ๊กตู่” เลื่อนรับรองผลการเลือกตั้งออกไป 180 วัน “เรืองไกร”ยื่น “ศร.”ไม่ให้รับคำร้อง “กกต.”วินิจฉัยสูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ระบุคำร้องนี้อาจทำหลายพรรคฝันสลายจัดตั้งรัฐบาล ส่วน “ปิยบุตร” โชว์เอกสารหลักฐานโอนหุ้น “ธนาธร” ให้มารดา ยันทำตามขั้นตอนถูกต้อง ที่บริเวณสถานีรถไฟ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 22เม.ย.62 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อม สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดสถานีรถไฟด่านพรมแดน บ้านคลองลึก โดยนายกฯกล่าวตอนหนึ่งว่า นายกฯ กล่าวว่า ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งจะต้องสงบ เลือกตั้งแล้วยังไม่สงบไม่ได้ ปีนี้เป็นปีมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกกำลังใกล้เข้ามา วันนี้นายกฯ ตัวจริงมา ที่อยู่ในโทรทัศน์นั้นตัวปลอม ขอให้ช่วยกันทำให้สงบสุข พัฒนาร่วมกัน ความหวัง ความฝันของทุกคนต้องใช้เวลาสักนิด วันนี้กำลังคุยกับสมเด็จฮุนเซ็น เพื่อวันหน้าจะทำเส้นทางต่อไป เราเป็นประเทศเพื่อนบ้านต้องรักกัน ข้อสำคัญคนไทยต้องรักกัน จะรักใครชอบใครเป็นเรื่องส่วนตัวอย่าเอาเรื่องของคนอื่นมาทะเลาะกัน เพราะจะกลายเป็นเครื่องมือ “ขอให้ฟังผมไว้ รัฐบาลนี้ขอยืนยันสิ่งต่างๆ ที่วางไว้จะเดินหน้าต่อไปทีละ 5 ปี จนถึง 20 ปี ตามยุทธศาสตร์ชาติ หากทุกคนเคารพกฎหมาย กติกาทุกอย่างไปได้หมด เพลงที่เปิดนี้เป็นเพลงมิตรภาพที่ผมแต่งขึ้น สมเด็จฮุนเซนแต่งมา 4 เพลง วันนี้ผู้ใหญ่-เด็ก ถ้าทะเลาะกันวันหน้าก็อยู่กันไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ สังคมไทยไม่มีแบบนั้น เราจะต้องดูแลกัน ทำอย่างไรให้เมืองเจริญขึ้น รัฐบาลกำลังทำตรงนี้ สิ่งสำคัญเราต้องเคารพกฎหมาย ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน พลเรือน ตำรวจ ทหารประชาชน เป็นพี่น้องกัน อย่าให้ใครมาสร้างความแตกแยก ทุกคนมีพ่อแม่ พี่ป้าน้าอา ใช่หรือไม่ แต่บางคนบอกว่าไม่ต้องมี มันใช่หรือไม่ ผมเอาหัวใจลงไปขอความรักความสามัคคีคืนมาให้กับประเทศไทย สร้างความสุขหลังเลือกตั้ง พระราชพิธีบรมราชาภิเษกกำลังจะเกิดขึ้นต้นเดือนหน้าทำให้สงบ รัชกาลนี้จะต้องเกิดความสงบสุข ใครทำผิดจะต้องถูกลงโทษ ซึ่งผมไม่อยากให้ใครถูกลงโทษ ถ้าทำความดีไม่มีถูกลงโทษ สังคมประเทศไทยต้องอยู่ด้วยคนทุกช่วงวัย เราต้องเลิกในสิ่งที่ไม่ดีสังคมเรามีปัญหาพอสมควรแล้ว” ขณะเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นำเอกสารหลักฐานการโอนหุ้นบริษัทวีลัค มีเดีย ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้กับนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา เพื่อเตรียมตัวลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.มาแสดง ระหว่างแถลงข่าว โดยยืนยันว่า ทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และไม่กังวลว่ากรณีดังกล่าวจะมีผลกระทบทางการเมืองกับพรรคหากกกต.พิจารณาคำร้องดังกล่าวด้วยความเป็นธรรมและยึดตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) ที่เป็นเงื่อนไขห้ามนักการเมืองถือครองหุ้นในกิจการสื่อ เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนถูกครอบงำ ดังนั้นบริษัทที่ทำกิจการต้องเป็นการประกอบกิจการสื่อสารมวลชนโดยแท้ ไม่ใช่มีเพียงข้อความที่เขียนไว้ในวัตถุประสงค์ของการตั้งบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จะไม่ถูก กกต.ให้ใบส้มแน่นอน จากนั้น นายวรวุฒิ บัตรมาตร ฝ่ายกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ พร้อมทีมทนายความ เดินทางไปที่สำนักงานคณะกรรมการการ เลือกตั้ง (กกต.) เพื่อเข้ายื่นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ได้เข้าให้ถ้อยคำกับเจ้าหน้าที่ กกต.เกี่ยวกับข้อมูลการถือหุ้น เนื่องจากเห็นว่ากกต.พยายามจะปิดสำนวนคำร้องนี้ภายในวันที่ 9 พ.ค.ซึ่งหากไม่มีผู้เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล ก็จะเร็วเกินไปในการปิดคดี ยืนยันว่าการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ โดยในวันนี้ได้นำหลักฐานทั้งตราสารโอนหุ้น เช็คชำระค่าหุ้น และหลักฐานมาเข้าให้ข้อมูลด้วย ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขต 9 พรรคเพื่อไทย พร้อม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สมาชิกพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือถึงกกต.เพื่อขอให้ตรวจสอบการจัด การเลือกตั้งในเขต 9 เนื่องจากตรวจสอบพบว่าบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตจังหวัด และนอกราชอาณาจักร ของเขต 9 ไปปรากฏอยู่ที่เขต 1 โดยกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งได้เปิดนับแล้วบอกว่าเป็นบัตรเสีย นอกจากนี้ยังพบข้อพิรุธจากผลการรวมคะแนน และหากพบการผิดพลาดขอให้สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในเขต 9 ทั้งเขต “พรรคจะได้รวบรวมหลักฐานมายื่นให้กกต.จัดเลือกตั้งใหม่อีกหลายเขต เช่น เขต 1-2 ที่ปรากฏหลักฐานบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าถูกส่งไปนับสลับเขต” นายวรวัจน์ กล่าวว่า ตนได้รวบรวมหลักฐานกรณีผุ้สมัครพรรคการเมืองหนึ่ง ได้มีการแจกทรัพย์สินและสิ่ง ของให้กับชุมชนต่างๆ อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนจะมี พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง รวม 19 ครั้ง โดยอ้างว่า เป็นการทำบุญให้กับแม่ที่เสียชีวิต แต่ภาพการแจกสิ่งของยังเผยแพร่อยู่ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของผู้สมัครรายดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันยังไม่ มีการลบภาพและข้อความดังกล่าว จึงเข้าข่ายจูงใจโดยสัญญาว่าจะให้หรือให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินให้แก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เข้าข่ายผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ม.73 (1) นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มรวมพรรคการเมือง ซึ่งประกอบกไปด้วย พรรคภาคีเครือข่ายไทย พรรคแผ่นดินธรรม พรรคพลังไทยดี พรรคพลังแผ่นดินทอง พรรคภารดรภาพ พรรคกรีน และพรรคประชาไทย เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อเสนอสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยเสนอตั้งรัฐบาลสามัคคีสร้างชาติ เพื่อยุติความขัดแย้งทั้งหมด โดยการเมืองใดจะประสงค์ร่วมรัฐบาลให้ไปลงชื่อร่วมกัน ส่วนพรรคใดที่มีแนวทางไม่ตรงกับกลุ่มร่วมรัฐบาล ก็มาร่วมเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งรัฐบาลสามัคคีสร้างชาติ ก็เป็นไปรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 , 5, 8 และ 265 นอกจากนี้ยังขอให้คสช.เสนอรายชื่อผู้ที่ผ่านการสรรหาเพื่อเสนอชื่อเป็น ส.ว.ให้นำรายชื่อทั้งหมดขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อขอพระบารมีโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ส.ว.จำนวน 250 คน ตามพระราชอัธยาศัย เพื่อความเป็นกลางในการทำหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ทางกลุ่มจะนำแนวคิดรัฐบาลสามัคคีสร้างชาติไปหารือร่วมกับ 20 พรรคเมืองต่อไป ขณะเดียวกัน ยังเสนอสูตรวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่จะช่วยให้การเมืองพ้นจากการติดชงัก (เดดล๊อก) เนื่องจากสูตรวิธีการคำนวณที่ออกมาก่อนหน้านี้ ได้ ส.ส.ไม่ครบ และการคำนวณที่ไม่ลงตัว โดยตัดคะแนนของพรรคเพื่อไทย ที่มีจำนวนกว่า 7.9 ล้านคะแนนออกไป ก็จะเหลือคะแนน 27 ล้าน และไม่นำ ส.ส.เขต จำนวน 137 มาร่วมคำนวณ ดังนั้นตัวเลขที่จะต้องนำมาใช้คำนวณจริง คือ คะแนน 27,612,017 หารด้วย 363 จะเท่ากับคะแนนเฉลี่ย 76,066 คะแนน จากนั้นนำคะแนนของแต่ละพรรคมาหารด้วยค่าเฉลี่ยใหม่ 76,066 ก็ได้จำนวน ส.ส.พึงมีของแต่ละพรรค ซึ่งจะมีพรรคที่ได้ ส.ส.พึงมีตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป 15 พรรค ได้ ส.ส. 478 คน จะเหลือเศษ 22 คน จึงให้ไปจัดสรรให้กับพรรคการเมืองที่มี ส.ส.พึงมีน้อยกว่า 1 คน นับตั้งแต่พรรคในลำดับที่ 16 ถึง 37 ซึ่งจะเป็นการรับรองว่าทุกคะแนนเสียงจะไม่ตกน้ำ และจะได้ ส.ส.ครบ 500 คน จำนวน 37 พรรค และสูตรนี้ก็ยังเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด นอกจากนี้ ยังมี นายสุรวัชร สังขฤกษ์ กลุ่มการเมืองภาคประชาชน ยื่นหนังสือขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลฎีกาว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ตาม ม.98 วรรค 8 เนื่อง จากในวันที่ 8 เม.ย.51 นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ มีคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 73/2551 ให้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ออกจากราชการไว้ก่อน ดังนั้นจึงขอให้ กกต. ส่งคำร้องคุณสมบัติไปให้ศาลฎีกาตัดสินว่าขาดคุณสมบัติหรือไม่และขอ ให้กกต.ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ให้ใช้คำสั่งหัวหน้าคสช.เลื่อนการรับรองผล ส.ส.ออกไปอีก 180 วัน เนื่องจากหลังการเลือกตั้งยังมีข้อโต้แย้งเรื่องการคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และยังมีการร้องให้ยุบพรรคการเมืองอีกหลายพรรค รวมทั้งมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติของส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และส.ส.เขต ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ไม่รับพิจารณาวินิจฉัยคำร้องของกกต.เพื่อขอให้ศาลฯวินิจฉัยว่า กกต.จะสามารถดำเนินการคำนวณหาจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 128 ที่ การคิดคำนวณดังกล่าวอาจทำให้พรรคการเมืองบางพรรคที่มีจำนวน ส.ส. ที่จะพึงมีได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส.หนึ่งคนได้จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หนึ่งคนได้หรือไม่ และการดำเนินการดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 มา ตรา 91 หรือไม่ โดยในคำสั่งดังกล่าวศาลเห็นว่า ตามคำร้องของกกต.ยังเป็นเพียงข้อสงสัย ข้อหารือ หรือการคาดการณ์ว่าอาจจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของ กกต. คำร้องของ กกต. จึงไม่ถูกต้องด้วยหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) โดยการคิดคำนวณดังกล่าว อาจทำให้พรรคการเมืองบางพรรคที่มีจำนวน ส.ส. ที่จะพึงมีได้ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อ ส.ส.หนึ่งคน ได้จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อหนึ่งคน ได้หรือไม่ และการดำเนินการดังกล่าวชอบด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 91 หรือไม่ “เรื่องนี้อาจทำให้บรรดาพรรคการเมืองฝันไม่ใกล้ความจริงและต้องขออภัยที่คำร้องจะไปกระตุ้น อารมณ์ ของใคร แต่ตนไม่ใช่งูเห่างูเขียวเป็นเพียงคนร้องคนหนึ่งเท่านั้น”