จากกรณี นายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ อายุ 57 ปี ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ไทยคาร์บอนแอนด์กราไฟต์ จำกัด ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ ซึ่งมีอาการเมาสุราขณะขับรถเก๋ง ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น อี 250 สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน ษฮ 789 กรุงเทพมหานคร จนไปเฉี่ยวชนกับ รถเก๋งยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟท์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กก 3653 กรุงเทพมหานคร บริเวณซอยงามธรรมชาติ ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม. จนเป็นเหตุให้ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. คนขับรถเก๋งซูซูกิ และนางนุชนาฏ งามสุวิชชากุล อายุ 44 ปี ภรรยา เสียชีวิต และ น.ส.พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 16 ปี บุตรสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส ต่อมาพนักงานสอบสวนสน.ศาลาแดง ได้แจ้งข้อหา ขับรถในขณะเมาสุราหรือของมึนเมาอย่างอื่น และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตามและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าเมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 18 เม.ย. ที่ศาลา 5/1 วัดตรีทศเทพวรวิหาร ถนนประชาธิปไตย แขวงบ้านพานถม เขตพระนคร กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการตั้งสวดอภิธรรมศพ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. อายุ 45 ปี และนางนุชนาฏ งามสุวิชชากุล อายุ 44 ปี ภรรยา ซึ่งเป็นวันที่ 2 ภายในงานยังคงเต็มไปด้วยความโศกเศร้าของญาติและบรรดาเพื่อนร่วมรุ่น ข้าราขการตำรวจที่รู้จักคุ้นเคย โดยในวันนี้กองบังคับการปราบปราม ร่วมเป็นเจ้าภาพ ต่อมาเวลา 18.00 น. นายสมชาย เดินทางมาถึงก่อนจะเดินเข้าไปกราบหน้าศพโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กระทั้งเวลา 18.30 น. พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เดินทางมาร่วมฟังสวดอภิธรรมศพ พ.ต.ท.จตุพร หรือรองตี๋ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.2 บก.ป. และนางนุชนาฏ ภรรยา พล.ต.อ.วิระชัย เปิดเผยว่า การสอบสวนทั้งหมดยังอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ยังไม่ถึงชั้นอัยการ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาไว้แล้ว 5 ข้อกล่าวหาประกอบไปด้วยฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พยายามฆ่าผู้อื่น ขับรถขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ขับรถขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินผู้อื่นได้รับความเสียหาย ซึ่งในขั้นตอนการพัดฟ้องฝากขังต่อศาลนั้น ทางศาลได้แนะนำให้แจ้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย รวมขณะนี้แจ้งข้อกล่าวหานายสมชาย รวม 6 ข้อหา ขั้นตอนต่อจากนี้พนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อส่งสำนวนให้อัยการอีกครั้ง แต่ผู้ต้องหาจะมีความผิดตามที่พนักงานสอบสวนแจ้งไปในข้อหาได้บ้างนั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาขอศาล พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนการแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนา หรือพยายามฆ่า ในส่วนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนและยังไม่มีการสั่งไม่ฟ้อง หรือถอนข้อกล่าวหาใดๆออกไป ซึ่งข้อหาที่พนักงานสอบสวนแจ้งไปทั้งหมดนั้นยืนยันว่ามีหลักฐานเพียบพอในการแจ้งข้อกล่าวหา หากรวบรวมพยานหลักฐานเสร็จสิ้นก็จะส่งให้อัยการยื่นฟ้องศาลต่อไป