การทำหน้าที่เป็นเสมือนผนังทองแดง กำแพงเหล็ก เพื่อพิทักษ์และปกป้อง “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ของ “องครักษ์” อย่าง “ไพบูลย์ นิติตะวัน” หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป กับ “ ธนากร วังบุญคงชนะ” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ อาจจะต้องยืดเยื้อและเข้มข้นมากขึ้นอีกหลายเท่า ในภาวะหลังเลือกตั้งแต่ยังไม่มี “รัฐบาลใหม่” เพราะยิ่งนานวัน “ศัตรู” ที่ยืนหน้าป้อมค่าย หลังพากันฟื้นตัวจากการบาดเจ็บเมื่อผ่านพ้น “ศึกเลือกตั้ง” ในสนามกันมาหมาดๆ ได้กลับมาเปิดเกม “เขย่าขวัญ” ฝ่ายคสช. ด้วยการโยน “หิน” ก้อนใหม่ที่ชื่อ “รัฐบาลแห่งชาติ” ไปจนถึง “นายกฯคนนอก” เพื่อเป็น “ทางเลือก” ให้กับพี่น้องประชาชน นัยว่านี่คือ “ทางออก” ที่จะสามารถนำพาทุกคนออกจาก “ความขัดแย้ง” ทางการเมืองที่กำลังตั้งเค้า เมื่อปรากฎว่า ทั้ง “พรรคเพื่อไทย” และ “พลังประชารัฐ” ต่างไม่สามารถเอาชนะการเลือกตั้งได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพราะ “เป้าหมาย” ในการครอบครองที่นั่งส.ส. พลิกผัน ดิ่งลงไปจาก “ความคาดหมาย” จนทำให้ พรรคเพื่อไทย และพลังประชารัฐ ต้องอาศัย “พรรคพันธมิตร” เพื่อจัดตั้ง “รัฐบาลผสม” แต่กระนั้น ก็ยังทำให้ทั้งสองพรรคใหญ่ที่ยืนอยู่ขั้วตรงข้าม เป็นเพียงแค่ “รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ” ด้วยกันทั้งคู่ ! แม้คสช.เองจะมี “250 ส.ว.”เป็นทุนเดิม เพื่อผลักดันภารกิจสำคัญ นั่นคือการโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถเป็น “นายกรัฐมนตรี” ในสภาฯได้ไม่ยากเย็น แต่ปัญหาใหญ่ที่จะตามมา คือความสุ่มเสี่ยงในการทำหน้าที่ในเวทีสภา ฯ ไม่ว่าจะเป็นการผ่านร่างกฎหมายสำคัญ โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.งบประมาณ เพราะภารกิจที่ว่านี้ พรรคพลังประชารัฐ ต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจากส.ส.ที่จะมาจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่เวลานี้กลับเจอปัญหา “เสียงปริ่มน้ำ” และเมื่อนี่คือ “ช่องโหว่”ของฟากคสช.ที่ฝั่งตรงข้ามมองเห็นได้ชัดเจนมากที่สุด มิหนำซ้ำยังจะถือเป็น “โอกาส” ในการเปิดเกมเขย่าขวัญทั้งพรรคพลังประชารัฐไปจนถึงคสช. เพื่อให้เห็นว่าพรรคอื่นๆนั้นยังไม่มีใคร “ยอมจำนน” ต่อการสนับสนุนให้มีนายกฯคนใหม่ที่ชื่อ “บิ๊กตู่” เพียงคนเดียว ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจที่จะพบว่า ในช่วงที่การเมืองเกิดสุญญากาศ ช่วง “รอยต่อ” สำคัญ ที่แม้พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช.จะมีดาบอาญาสิทธิ์ “ม.44” อยู่ในมือก็ตาม แต่กลับกลายเป็นว่า เกิดข้อเสนอต่างๆถูกโยนลงมาเป็น “ทางเลือกใหม่” เพื่อปลด “เดทล็อก” อย่างไม่เกรงใจ! ไม่ว่าจะเป็น “เทพไท เสนพงศ์” สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชง “รัฐบาลแห่งชาติ” ก่อนที่จะถูกถล่มจาก ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ทั้งธนากร รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ที่ประกาศชัดเจนว่า นาทีนี้เห็นทีจะไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนายกฯมากไปกว่า พล.อ.ประยุทธ์ หรือการที่ไพบูลย์ หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป เสนอให้ใช้มาตรา 270 ตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้ทั้งพรรคพลังประชารัฐและพล.อ.ประยุทธ์ สามารถเดินหน้าทำงานในฝ่ายนิติบัญญัติได้อย่าง แน่นอนว่าข้อเสนอของเทพไท ที่ว่าด้วยรัฐบาลแห่งชาติ หรือการเปิดทาง “นายกฯคนนอก” ก็ล้วนแล้วแต่เป็นการเปิดช่อง ต้อนรับ “คนอื่น” ที่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยเหตุนี้จึงมีชื่อ “คนนอก” ที่ถูกจับตามาพร้อมๆกับ “ข่าวสะพัด” เพื่อสะท้อนถึง “ความน่าจะเป็น” โดยเฉพาะการมีชื่อ “พลากร สุวรรณรัตน์” องคมนตรี ที่ถูกพูดถึงมากที่สุด หมายความว่า หากจากนี้ไปจนกว่า จะมีการตั้งรัฐบาลใหม่ ที่พรรคพลังประชารัฐ หมายมั่นจะทำหน้าที่ชิงธงเป็นฝ่ายบริหารจาก “พรรคเพื่อไทย” ให้สำเร็จนั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายดาย หรือราบรื่นอย่างที่คาดคิดเอาไว้เสียแล้ว ! เพราะ บรรดา พรรคการเมืองที่พลังประชารัฐ “หมายตา” ต้องการผูกเสี่ยวดึงมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นภูมิใจไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์ เองที่ยัง “ไร้คำตอบ” ต่อกรณีดังกล่าว ต่าง “ออกฤทธิ์” เปิดเกมท้าทายและ “หยั่งเชิง” พลังประชารัฐ ว่าจะทานทนกับ “อำนาจต่อรอง” ได้มากน้อยแค่ไหน ? อย่าลืมว่า การออกมาทำหน้าที่เป็น “หน่วยหน้ากล้าตาย” ของเทพไท ด้วยการชูประเด็นรัฐบาลแห่งชาติ จนมาถึง “รัฐบาลปรองดอง” หลังจากที่เจ้าตัวโดนถล่มอย่างหนักนั้น ย่อมไม่ใช่วาระการเคลื่อนไหวที่ไร้ “นัยยะ” โดยเฉพาะยิ่งเมื่อเทพไท เปิดรายชื่อ “นายกฯคนนอก” ด้วยกันถึง 4 คน คือ พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี พล.เฉลิมชัย สิทธิสาท อดีตผู้บัญชาการทหารบก ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด (UNCTAD) และ ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ทุกรายชื่อที่เทพไท จงใจยกมาเป็น “ข้อเสนอ” กำลังถูกนำมา “เปรียบเทียบ” กับพล.อ.ประยุทธ์ ดูจะยิ่งเป็นเรื่องที่ทำให้กองเชียร์ บิ๊กตู่หงุดหงิดหัวใจไม่น้อย จากนี้ไป การยืนระยะเพื่อพิทักษ์ พล.อ.ประยุทธ์ ของฝ่ายสนับสนุน อาจจะต้องเพิ่มความเข้มข้น และทนกับแรงเสียดทานที่พลังประชารัฐและคสช. จะต้องหาทางพลิกตำราสู้กันต่อชนิดช็อตต่อช็อต !