ผบ.ตร.ให้ออกราชการ 4 ตร.ชุด ปส.เมืองลิงกรรโชกทรัพย์ วันที่ 17 เม.ย.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันปราบปรามปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 1 เรียกค่าไถ่​ โดยเมื่อวันที่ 16 เม.ย. 62 เวลาประมาณ 20.00 น. ญาติผู้เสียหาย ได้มาแจ้งที่ สภ.เมืองลพบุรี ว่าเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันเดียวกัน ญาติของตน จำนวน 2 คน ถูกชายฉกรรจ์คล้ายตำรวจบุกจับตัว ภายในบ้านไม่มีเลขที่หมู่บ้านดินสอพองหมู่สี่ ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี ในข้อหาเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งญาติผู้เสียหายได้ตรวจสอบมาที่ สภ.เมืองลพบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อที่จะขอเยี่ยมและประกันตัว แต่เจ้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี ได้แจ้งว่าไม่มีการจับกลุ่มบุคคลดังกล่าวและไม่มีการส่งตัวมาดำเนินคดีแต่อย่างใด ต่อมา ผู้เสียหายได้โทรศัพท์มาหาญาติผู้เสียหายที่มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี แจ้งว่าถูกจับกุมและต้องการเงินจำนวน 150,000 บาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวผู้เสียหายทั้งสอง ญาติผู้เสียหายจึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี ทราบ จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองลพบุรี ได้มีการวางแผนร่วมกันโดยให้ญาติผู้เสียหายโทรศัพท์นัดหมายสถานที่เพื่อจ่ายเงินแลกกับการปล่อยตัวผู้เสียหายทั้งสองราย เมื่อญาติผู้เสียหายเดินทางมาถึงสถานที่นัดหมายและได้พบรถยนต์ของชายต้องสงสัยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองลพบุรี จึงแสดงตัวและทำการจับกุมผู้ต้องหากับพวกรวม 4 นาย พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี ดำเนินการตามกฏหมาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่ออีกว่า จากการตรวจสอบผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย พบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี ได้ดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันพยายามกรรโชกทรัพย์และพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมกันนี้ พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้มีคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นาย และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาดพร้อมได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยหากพบว่าได้กระทำความผิดขึ้นจริง ให้ดำเนินการทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด อย่าปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง ที่ผ่านมา ได้สั่งการมาโดยตลอด ห้ามเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อำนาจหน้าที่ ประพฤติผิดในทางมิชอบ แสวงหา หรือ เรียกรับผลประโยชน์ หรือ ปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการเหลื่อมล้ำกับกฎหมาย สร้างความเดือนร้อนแก่พี่น้องประชาชน โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติงานด้วยความสุจริต ยุติธรรม ในการบำบัดทุกข์บำรุงสุกแก่ประชาชน ตลอดจนการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบของกฎหมาย และยังมีข้อสั่งการไปยังกองบัญชาการทุกภาคส่วนให้ผู้บังคับบัญชาควบคุม เสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ ทั้งเวลาราชการและนอกเวลาราชการ ตามคำสั่งที่ 1212/2537 ในการ กวดขัน กำกับ ดูแล สอดส่องความประพฤติและพฤติกรรมของข้าราชการตำรวจภายใต้การปกครองบังคับบัญชาอย่างใกล้ชิด หากพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีความพฤตินอกรีต ไปเรียกรับเงินทอง เรียกรับผลประโยชน์อื่นใด หรือแม้กระทั่งใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ ให้ดำเนินทางวินัยและอาญา อย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์กรและเสียกำลังใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติปฏิบัติดี นอกจากนี้ ได้มีการดำเนินทางวินัยและอาญากับตำรวจที่ประพฤติตนนอกรีตมาโดยตลอด พร้อมกับมีคำสั่งลงโทษทางวินัยร้ายแรง เช่น ปลดออก ไล่ออก เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ประพฤติตนนอกรีตดังกล่าวเช่นเดียวกัน