เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 ม.ค. ที่สน.พหลโยธิน พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก.ศฝร.บช.น. นำแฟ้มเอกสาร เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ที่ทุจริตการสอบนายสิบตำรวจสังกัด บช.น. โดยมีพล.ต.ต.อดุลย์ ณรงศักดิ์ รอง ผบช.น. พ.ต.อ.ณรัช มูลศาสตรสาทร ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท.เฉลียง อินทิพย์ รองผกก.(สอบสวน) และคณะทำงานร่วมทำการสอบสวนโดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ในวันนี้ทางคณะกรรมการซึ่งมีทางพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. คณะกรรมการจัดการสอบของกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มอบหมายให้ทางพ.ต.อ.อุเทน มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ทุจริตในการสอบที่มีเครือข่ายเชื่อมโยง ในส่วนของบช.น. ได้รับมอบหมายจากทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ดำเนินการจัดสอบนายสิบตำรวจจำนวน 1,000 อัตรา ซึ่งในปีนี้มีผู้สมัครเข้าสอบทั้งสิ้น 13,000 คน การสอบได้จัดสนามสอบไว้ 2 แห่ง ประอบด้วยมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา และมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตหัวหมาก ซึ่งทางคณะกรรมการที่คุมสอบได้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดทั้งผู้เข้าสอบและผู้คุมสอบ ต่อมาวันที่ 6 ธ.ค.59 หลังจากที่มีการตรวจข้อสอบเสร็จสิ้น ในข้อสอบมีคะแนนเต็ม 150 คะแนน มีผู้สอบได้คะแนนสูงสุด 123 คะแนน ส่วนคะแนนต่ำสุด 13 คะแนน ที่สามารถสอบติดนายสิบจึงได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบพบว่ามีผู้ได้คะแนนต่ำจำนวน 50 ราย จึงได้ส่งหมายเรียกเข้ามาให้ข้อมูลในเวลาต่อมาจึงยอมรับสารภาพว่ามีการทุจริตในการสอบจริงโดยกระทำการเป็นขบวนการ จากนั้นได้รายงานขึ้นไปทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีอำนาจในการดำเนินการในเรื่องของยกเลิกการสอบซึ่งเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมาได้มีการยกเลิกผลการสอบทั้งหมดจนมีการแจ้งความในวันนี้ พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนพบว่าขบวนการทุจริตดังกล่าวมีการทำเป็นขบวนการอั้งยี่ โดยได้มรการเริ่มต้นตั้งแต่การสมัครสอบทีมีการรับสมัครที่กองการสอบ กองบัญชาการศึกษา ที่อยู่ในท้องที่สน.พหลโยธิน จากนั้นมีการรวมตัววางแผนกันที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ท้องที่สน.สุทธิสาร สุดท้ายก็ไปทำการสอบซึ่งตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตการสอยที่สนามสอบมหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตหัวหมากแห่งเดียว ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนในการดูแลคดีนี้ที่มีผู้ต้องหาที่จะดำเนินคดีทั้งหมด 347 รายและที่พบว่าน่าจะมีการกระทำผิดอีก 178 รายแต่หลักฐานต่างๆยังคงไม่ชัดเจนยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ส่วนกรณีว่ามีข้าราชการเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ขณะนี้ทางผบช.น.ได้มอบหมายให้ทางพล.ต.ต.ภัคพงษ์ พงษ์เภตรา รรท.ผบช.น. ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้วถ้ามีผลออกมาเป็นอย่างไรไปถึงใครก็จะมีการดำเนินคดีจนถึงที่สุดโดยไม่มีการละเว้น เนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดผลกระทบเสียหาย ซึ่งโชคดีที่ยังไม่มีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจากการสอบสวนผู้เข้าสอบที่ทุจริตที่ให้การไปในทิศทางเดียวกันว่ามีข้าราชการกรุงเทพมหานครเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า วันนี้ทาง พ.ต.อ.อุเทน ยังได้มาแจ้งความดำเนินคดีกับ นายจิระพจน์ พลายด้วง อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่สำนักเทศกิจ เขตปทุมวัน ที่เป็นตัวการใหญ่ในขบวนการโดยดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ประกอบด้วยข้อหาอั้งยี่ที่มีการรวมตัวกันกระทำผิดทางอาญา , แจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน และความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(2) กรอกข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีพยานหลักฐานครบถ้วนทั้งพยานบุคคลและภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีการนัดประชุมกัน ซึ่งสามารถเอาผิดได้อย่างแน่นอน ด้านพ.ต.อ.ณรัช เปิดเผยว่า เบื้องต้นทางกองบัญชาการ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อควบคุมการทำสำนวนคดีดังกล่าวแล้ว วันนี้ตนก็ได้เตรียมหัวหน้าพนักงานสอบสวนอาวุโส เพื่อรอรับเป็นเลขคดี ในส่วนข้อมูลที่ผู้แจ้งนำมาให้ ทราบว่ามีการสืบสวนสอบสวนมาบ้างแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง เพื่อทำการออกหมายเรียกต่อไป.