นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์เปิดเผยว่า สูบบุหรี่เป็นพิษต่อร่างกาย เพราะมีสารพิษ ประกอบด้วย นิโคติน ทำให้หลอดเลือดตีบตัน เกิดโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง กระตุ้นระบบประสาทคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้หัวใจและส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รับออกซิเจนน้อย ทำให้เหนื่อยง่ายเป็นสาเหตุสำคัญของโรคหัวใจ ทาร์ ก่อโรคมะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ไนโตรเจนไดออกไซด์ เป็นก๊าซพิษทำลายเยื่อบุหลอดลมส่วนปลายและถุงลม ทำให้ถุงลมโป่งพอง ไฮโดรเจนไซยาไนต์ ทำให้ไอมีเสมหะ หลอดเลือดอักเสบเรื้อรัง สารพิษเหล่านี้ทำให้เกิดโรคในผู้สูบบุหรี่ เช่น โรคหลอดเลือดในสมองตีบ โรคมะเร็งต่างๆ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ นพ.เอนก กนกศิลป์ รักษาราชการแทนผอ.สถาบันโรคทรวงอกกล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจมีมากมาย อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง อ้วนลงพุง เครียด บริโภคผักผลไม้น้อย ขาดการออกกำลังกาย รวมทั้งเกิดได้ในเพศชายอายุ 40 ปีขึ้นไป เพศหญิงอายุ 50 ปีขึ้นไปหรือหลังหมดประจำเดือน และจะพบมากในคนอายุน้อยที่สูบบุหรี่ ทั้งนี้ หากเลิกบุหรี่ได้จะส่งผลดีต่อร่างกาย ดังนี้ ภายใน 15 นาที จะทำให้หัวใจเต้นช้าลง 12 ชั่วโมง ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงสู่ภาวะปกติ 14 วัน ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น หายใจโล่งขึ้น สดชื่น1 ปี ความเสี่ยงโรคหัวใจวายลดลง 50% 5 ปี โรคสมองลดลง 50% ทั้งยังส่งผลดีต่อคนรอบข้างให้ห่างไกลจากสารพิษในบุหรี่