"สมศักดิ์"เบรกตั้ง"รัฐบาลแห่งชาติ" ชี้กระแสให้จัดตั้งมาจากกลุ่มที่รวมเสียงไม่ได้ ยันตั้งรัฐบาลปกติได้แน่นอน "เพื่อไทย"เตือนตั้งรัฐบาลยืดเยื้อฉุด ศก.ดิ่งเหว ทางออกแค่ยอมพรรคได้เสียงอันดับ1 ตั้งรัฐบาลก่อนทุกอย่างฉลุย แนะส.ว.งดออกเสียงเลือกนายกฯ เพื่อเป็นทางออกของประเทศ "บัญญัติ"ปัดข่าว"ปชป."ขอเก้าอี้ให้ตนนั่ง"ปธ.สภาฯ"แลกร่วมตั้งรบ. ซัดพวกอุปโลกตั้งตัวเป็นแกนนำไปต่อรอง วอนพรรคการเมืองอย่าไปพูดคุยด้วย ย้ำ"กก.บห.-สส."ตัดสินใจหลัง 9 พ.ค.นี้ "ยิ่งลักษณ์"โผล่เยอรมนีชมดอกซากุระก่อนกลับลอนดอน ขณะที่"ทักษิณ"งดจ้อกู๊ดมันเดย์ 3 สัปดาห์ติด เมื่อวันที่ 15 เม.ย.62 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการพูดถึงรัฐบาลแห่งชาติ ว่า หากเราสังเกตดูจะเห็นว่าคนที่คิดถึงรัฐบาลแห่งชาติ คือ คนในกลุ่มหรือฝ่ายที่มีคะแนนเสียงที่ไม่มั่นคง ไม่ถึง 250 ใช่หรือไม่ จึงพยายามชวนไปหารัฐบาลแห่งชาติ แต่สถานการณ์คงไม่เป็นไปถึงทางตันเช่นนั้น และจะมีการจัดตั้งรัฐบาลปกติได้ คนที่เกี่ยวข้องกับการร่างรัฐธรรมนูญได้ออกมาให้ความชัดเจน มีแนวทางและวิธีการคำนวณที่ทำให้กกต.ยึดเป็นแนวปฏิบัติ เป็นทางออกสำหรับทุกเรื่องได้ ดังนั้นเรื่องความรุนแรงคงไม่มี ถ้าจะมีคงเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ พายุฤดูร้อน บางคนอาจจะบอกว่าเป็นเรื่องของดวง แต่นี่คือเรื่องปกติของฤดูกาล นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลแห่งชาติที่พูดกันอยู่เชื่อว่าไม่มี เพราะสุดท้ายแล้วพรรคการเมืองที่มีอยู่จะปรับตัวเข้าหากันได้ ไม่มีใครอยากถอยกลับไปสู่ความวุ่นวายขัดแย้ง ทุกคนพร้อมทำงานเพื่อบ้านเมือง เมื่อถามว่าจากประสบการณ์ในวงการการเมืองที่ผ่านมา เสียงปริ่มน้ำมองว่าพรรคพลังประชารัฐจะตั้งรัฐบาลยากไหม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ผู้ที่เขียนรัฐธรรมนูญวิเคราะห์ไว้ก่อนแล้วจึงมีส.ว. ช่วยทำให้บรรยากาศไม่รุนแรง หากรัฐธรรมนูญไม่พูดถึง ส.ว. 250 คน วันนี้การเมืองอาจจะลุกเป็นไฟ เป็นความฉลาดของผู้ร่าง ที่ทำให้สมการออกมาและเดินต่อไปได้ ที่เตรียมการมาได้ใช้จริง คนเขียนมองได้ขาด เมื่อถามว่าพรรคการเมืองควรคุยหรือทำสัตยาบันหรือไม่ แกนนำพรรค พปชร.กล่าว่า ดูบรรยากาศถ้าทำสัตยาบัน คงเป็นไปไม่ได้ เหมือนกลุ่มแรกที่เปิดตัวทำกันหลังการเลือกตั้งเสร็จ สุดท้ายอาจจะไม่ใช่ เพราะยังไม่รู้ว่ามีเสียงกันอยู่เท่าไร รวมทั้งนโยบายของแต่ละพรรคร่วมกันได้มากน้อยแค่ไหน แต่ทุกพรรคควรต้องห่วงส่วนรวมและเรื่องของชาติมากกว่า ความเป็นหนึ่งเดียวต้องปรากฏชัด นักการเมืองต้องคลายความสงสัยของประชาชนให้ได้ ที่ผ่านมาเรามีบทเรียนให้เห็นแล้วหากยังดึงดันกันอยู่ มันจะแก้ปัญหาไม่ได้ และบานปลายไปใหญ่โต ด้าน นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า หากการจัดตั้งรัฐบาลยังยืดเยื้อออกไปมากเท่าไรก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติมากขึ้น จนอาจถึงขั้นวิกฤติได้ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ภาคเอกชนที่เป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ออกมาส่งสัญญาณเตือนแล้วหลายครั้งว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ต้องล่าช้าออกไปถึงไตรมาสที่ 4 อาจทำให้เศรษฐกิจปี 62 เติบโตแค่ 3.5% หรืออาจลดลง เพราะเศรษฐกิจของโลกก็อยู่ในภาวะชะลอตัวเช่นกัน แม้แต่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ยังยอมรับว่าหากการจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อ จะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ทุกความเห็นที่แสดงออกมาล้วนแล้วแต่เป็นการส่งสัญญาณอันตรายจากภาคธุรกิจ หากฝ่ายการเมืองแสวงหาอำนาจโดยไม่เคารพกติกาตามกฎหมาย เชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นอาจรุนแรงมากกว่าที่ทุกคนคาดคิด โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจที่จะส่งผลกระทบต่อประชาชนในทุกระดับ "ทางออกในเรื่องนี้สามารถทำได้อย่างง่ายดายเหมือนเส้นผมบังภูเขา แค่ฝ่ายการเมืองยอมรับในกติกา ให้พรรคการเมืองที่ได้เสียงอันดับหนึ่งทำหน้าที่รวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาล หากดำเนินการไม่ได้ก็เป็นสิทธิของพรรคที่ได้ลำดับสอง ลำดับสาม ตามลำดับ" นางลดาวัลลิ์ กล่าวด้วยว่า หากพรรคการเมืองยอมรับในกฎกติกาดังกล่าว ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น หน่วยงานและองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งก็สามารถทำงานได้อย่างอิสระ ยุติธรรม ตรงไปตรงมา เมื่อทุกอย่างไปเป็นตามกติกา เราก็จะได้รัฐบาลที่ตรงกับความต้องการของประชาชนเข้ามาบริหารประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆโดยเฉพาะเศรษฐกิจได้โดยเร็ว ก่อนที่ประชาชนจะเดือดร้อนไปมากกว่านี้ ด้าน นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ว่าที่ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ ทุกภาคส่วนควรฟังเสียงประชาชนซึ่งสะท้อนจากการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ให้พรรคที่ได้จำนวนส.ส.มากที่สุดเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ตามประเพณีทางการเมืองที่เคยปฏิบัติมา นอกจากนี้ ส.ว.มีหน้าที่หลัก คือกลั่นกรองกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร จึงควรทำงานตามหน้าที่หลักที่บัญญัติไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ นายชวลิต กล่าวอีกว่า สำหรับบทเฉพาะกาลของกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจส.ว.เลือกนายกฯ ได้นั้น เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ จากพรรคการเมืองหนึ่งมิได้เป็นกลางทางการเมือง แต่มีส่วนได้ส่วนเสีย มีประโยชน์ทับซ้อน เปรียบได้กับเป็นทั้งกรรมการและเป็นผู้เล่นไปในตัว ดังนั้น หนทางที่ดีที่สุด เป็นกลางที่สุด และเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ส.ว.ควรงดออกเสียงในการลงมติเลือกนายกฯ จึงจะเป็นทางออกที่ได้รับการยอมรับจากประชาชนและชาวโลก วันเดียวกัน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมายืนยันต่อข่าวที่ระบุว่ามีการยื่นเงื่อนไขต่อรองตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฏรให้ตัวเองเพียงตำแหน่งเดียว แลกไม่เอาเก้าอี้รัฐมนตรี เพื่อหวังสะกัดงูเห่าป้องกันพรรคแตกในการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นไม่เป็นความจริง "ผมทราบข่าวนี้จากสื่อแล้ว สามารถพูดได้อย่างไม่ลังเลว่า เป็นข่าวปล่อย ข่าวลวงเพื่อสร้างกระแสอย่างหนึ่งอย่างใดทางการเมืองแน่นอน แต่ที่ยังสงสัยก็คือ เป็นการจงใจปล่อยข่าวนี้ออกมาจากใครเพื่อประโยชน์อะไร หรือถ้าเกิดมีคนจากพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่ข่าวอ้างแหล่งข่าวว่า มีการไปติดต่อขอเจรจากับพรรคใดๆในทำนองที่เป็นข่าว ก็ขอได้เข้าใจว่า นั่นคือ การอุปโลกตั้งตัวเป็นแกนนำขึ้นมาเองโดยที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้เห็นด้วยแต่อย่างใด จึงไม่ควรที่พรรคการเมืองอื่นใด จะเสียเวลาไปร่วมเจรจาต่อรองเรื่องใดๆต่อไปอีก เพราะจะเป็นการสูญเปล่า และยังจะทำให้การเมืองไทยดูเป็นเรื่องน้ำเน่าเพิ่มขึ้นไปอีกในสายตาของคนในสังคม " ส่วนเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นข้อเท็จจริงว่า พรรคจะเลือกตัดสินใจเดินไปในแนวทางใด นายบัญญัติ ยืนยันว่า จะต้องเป็นการตัดสินร่วมกันโดยกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรคคณะใหม่ รวมกับ ส.ส.ใหม่ ภายหลังวันที่ 9 พ.ค. ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ระบุจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ที่จะถึงนี้เท่านั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กส่วนตัวในชื่อ "ณัฐพันธุ์ กรุงเทพ กรุงเทพ ทันใจ" ซึ่งคอยติดตามรายงานความเคลื่อนไหวของคนในตระกูลชินวัตรอย่างใกล้ชิด ได้โพสต์ภาพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะชมดอกซากุระที่กรุงบอนน์ เมืองหลวงเก่าของเยอรมนีตะวันตก และภาพนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมข้อความ ระบุว่า "หลังจากอาปู ไปชมซากุระที่ ถนนเฮียร์ ในกรุงบอนน์ ประเทศเยอรมัน ท่านก็กลับลอนดอน ส่วนลุงแม้ว มีแต่คนถามหา โดย ดร.ทักษิณ บอกว่า "ผมเป็นห่วงประเทศไทย และห่วงคนไทยทุกคนครับ" ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้จัดรายการ "กูดมันเดย์ : รับมือกับการเปลี่ยนแปลงโลก กับ ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ทางเว็บไซต์ www.thaksinofficial.com ติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 3 แล้ว หลังจากที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 ม.ค.62 และจัดครั้งสุดท้ายเป็นตอนที่ 12 เมื่อวันจันทร์ที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นได้งดจัดรายการโดยไม่ได้บอกกล่าวถึงสาเหตุแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 มี.ค.62 ได้มีพระราชโองการฯ เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทุกชั้นตรา และเหรียญลูกเสือสดุดีชั้นที่ 1 จากนายทักษิณ ชินวัตร เนื่องจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาถึงที่สุดลงโทษจำคุก และยังมีข้อหาฐานอื่นๆ อีกหลายคดี อีกทั้งได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร เป็นพฤติการณ์การกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และเมื่อวันที่ 7 เม.ย.62 มีประกาศพระราชทานพระราชานุญาตถอดยศนายทักษิณ ชินวัตร ออกจาก "นายกองใหญ่" กองอาสารักษาดินแดน เหตุต้องคำพิพากษาคดีอาญาถึงที่สุดให้จำคุก และหลบหนีออกนอกประเทศ