“สิ่งที่ผมกลัวที่สุดวันนี้เหมือนเราอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยแก๊ส ถ้าใครใช้ไม้ขีดจุดไฟระเบิดตูมแน่ เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องเปิดหน้าต่างระบายแก๊สออกก่อน ลดความกดดันในสังคมไทย ต้องค่อยๆใจเย็นกัน” หมายเหตุ : “วราวุธ ศิลปอาชา” ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ “สยามรัฐ” ถึงสถานการณ์การเมือง หลังการเลือกตั้ง รวมทั้งการเปิดใจ เปิดบทพิสูจน์ การเป็น “ทายาทการเมือง” ของ บรรหาร ศิลปอาชา อดีตประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ในการเลือกตั้งครั้งแรกที่ไม่มีผู้เป็นพ่อ แต่พรรคชาติไทยพัฒนาก็สามารถฝ่ามรสุมในสนามเลือกตั้ง กลับเข้ามาปักธงได้ในที่สุด -การเลือกตั้งครั้งนี้ มีความแตกต่างจากปี 2554 หลายอย่าง แต่สำหรับชาติไทยพัฒนา "อะไร" คืออุปสรรคและปัญหามากที่สุด กลไกในการใช้ในการเลือกตั้ง โดยเฉพาะขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ทำให้สิ้นเปลือง เสียเวลา และค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นสำหรับพรรคการเมืองเลย เช่นการตั้ง สมาชิกพรรคประจำจังหวัด ค่าสมาชิก การทำไพรมารี ซึ่งหลายประเทศทั่วโลก ทำกันไม่กี่ประเทศ การที่จะให้ประเทศไทยนำมาใช้ทันทีเป็นสิ่งที่ยาก ทางพรรคเคยติงไปว่าจะเกิดปัญหา และก็เป็นจริง ๆ กว่าจะได้ผู้สมัครแต่ละจังหวัด แต่ละเขต เลือดตาแทบกระเด็น และการเลือกตั้งครั้งต่อไปถ้าทำไพรมารีทั้ง 350 เขตแปลว่าต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 35,000 คน การเลือกตั้งที่ผ่านมาถ้าไม่มีบทเฉพาะกาล และมาตรา 44 เข้ามาช่วย กกต.คงทำงานตายแน่ เพราะฉะนั้นอุปสรรคที่หนักที่สุดคือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนการใช้ระบบโซเชียลต้องให้เวลาสักพัก เพราะระบบโซเชียลสามารถดังได้ด้วยการสร้างกระแส การสร้างแอคเคาท์ปลอม มาโจมตีโดยไม่มีการตรวจสอบ และทำกันได้ง่ายมาก เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่ล่อแหลม เป็นอุปสรรคเหมือนกัน วันนี้ปัญหาของประเทศ คือคนบริโภคสื่อออนไลน์ยังขาดความยั้งคิด เพราะบางสื่อมีการซ่อนตัวตนในการใช้ชื่อปลอมเป็นสิ่งที่ทำง่าย การสร้างความเกลียดชังที่เกิดขึ้น การสร้างความแตกแยกบนโลกออนไลน์เป็นอะไรที่รุนแรง สิ่งที่อยากฝากคนรุ่นใหม่ในการบริโภคสื่อ เมื่อได้ฟังข่าวแต่ละอันจะต้องคำนึงว่าทุกเรื่องมี 2 ด้านเสมอ ทุกอย่างมีด้านซ้าย ด้านขวา มีด้านขาว ก็มีด้านดำ เวลาอ่านอะไรไปแล้ว การรู้ไม่เท่าทันเนื้อข่าว การใช้ความยับยั้งชั่งใจ ควรใช้วิจารณาญาณในการบริโภคข่าว วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ ที่อ่านข่าวออนไลน์ต้องใช้ให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์การเมือง และประเทศในปัจจุบัน ซึ่งมีความพยายามมากที่จะมีแอคเคาท์หลอกบ้าง ทำให้เกิดกระแสขึ้นมาซึ่งเป็นสิ่งที่ล่อแหลม -กรณีที่เกิดขึ้นกับอนาคตใหม่ มองได้หลายมุม อาจจะเป็นแผนซ้อนแผน บางคนก็บอกว่าพรรคอนาคตใหม่ทำเอง เพื่อมาตีตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าการบริโภคสื่อ หรือการทำความข้าใจกับเนื้อหาของข่าวแต่ละข่าวที่ออกมาควรจะฟังหูไว้หู อย่าเพิ่งรีบตัดสินว่าคนนั้นดี หรือไม่ดี เราควรจะอ่านข่าวหลาย ๆช่องทาง ข่าวเหมือนกันบางสื่อออนไลน์ไปเขียนอีกอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้นการทำความเข้าใจ และอ่านข่าวควรจะใช้วิจารณาญาณ และดูแหล่งข่าวหลาย ๆแหล่ง สอบถามหลายๆที่เป็นอย่างไร หรือบางครั้งภาพที่ออกมาเกิดขึ้นจริง หรือจัดตั้งขึ้นหรือไม่ ผมก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องอะไร ก็จะถอยมาก้าวหนึ่งก่อน แล้วก็มาวิเคราะห์ว่าเป็นไปได้ไหม จริงหรือเปล่า ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมไทยตอนนี้ต้องพึ่งระวังให้มาก -กับข้อหาหนักส่องสุม เป็นสิทธิ์ที่ผู้ถูกกล่าวหาต้องแก้ไข แต่ว่าอย่านำประเด็นนี้มาเป็นสงครามมวลชน เมื่อปี 51 พรรคชาติไทยถูกยุบพรรคก็ต้องว่ากันไปตามครรลองของศาล อย่าดึงประชาชนเข้ามาเป็นเครื่องมือในการต่อรองของทั้งสองฝ่าย การแสดงความเห็นเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ถึงเวลาต้องว่ากันไปใช้กกฎหมายในการตัดสิน และต้องยอมรับคำตัดสิน บางครั้งอาจจะดูไม่ยุติธรรม เหมือนการเล่นฟุตบอล ฝ่ายที่แพ้ก็บอกว่าไม่ยุติธรรม แต่ฝ่ายชนะก็บอกว่ากรรมการทำถูกแล้ว เพราะฉนั้นปัญหาอยู่ที่ว่าเมื่อจบแล้วก็ว่ากันใหม่ ก็ต้องยอมรับกติกา สังคมไทยในปัจจุบันเวลาจุดชขวนง่ายและลามไปไกล และไวต่อความนรู้สึกของสังคมมากต้องระวังให้ดี -ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศ เพราะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้ง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน นี่คือสิ่งที่ผมพูดมาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง สมัยก่อนเกิดม็อบเสื้อเหลือง เสื้อแดง เป็นความสะใจของแต่ละฝ่าย และพอทหารออกมาก็ชื่นชม แต่วันนี้กลับต่อว่าทหารไม่ดี ผมว่าเราสะใจกันมามากพอแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าใช้อารมณ์ ความสะใจ มาเป็นตัวตัดสินสถานการณ์การเมืองในแต่ละห้วง เวลา สังคมไทยขณะนี้ต้องตั้งสติให้ดี แล้วก็อาศัยข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วอย่าไปสร้างเงื่อนไขให้มันเกิดเดทล็อคโดยไม่จำเป็น สิ่งที่ผมกลัวที่สุดวันนี้เหมือนเราอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยแก๊ส ถ้าใครใช้ไม้ขีดจุดไฟระเบิดตูมแน่ เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องเปิดหน้าต่างระบายแก๊สออกก่อน ลดความกดดันในสังคมไทย ต้องค่อยๆใจเย็นกัน -การเลือกตั้งรอบนี้เป็นการพิสูจน์ฝีมือของทายาทศิลปอาชา หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะเป็นการเลือกตั้งในวันที่พรรคเกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด ทั้งการไม่มีคุนบรรหาร ทั้งการรักษาที่มั่นสุพรรณบุรี เป็นการพิสูจน์ถึงความสมัครสมานสามัคคีกันของคนในพรรคชาติไทยพัฒนามากกว่า ผู้ใหญ่แต่ละท่านยังให้ความรัก ความศรัทธา และยังทำงานด้วยกันอย่างน้อยก็ดีใจที่ทำให้จังหวัดสุพรรณบุรีได้มา 4 เขตเหมือนเดิม ก็มีผิดหวังบ้าง ล้มช้างบ้าง และสิ่งหนึ่งที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯทำให้ได้มากก็คือทำให้สุพรรณบุรีได้ 4 เขตถือประสบความสำเร็จระดับหนึ่ง ถ้าถามว่าเราพอใจ กับผลที่เกิดขึ้นไหม เราไม่พอใจ น่าจะได้ดีกว่านี้ แต่ว่าเรายอมรับกับผลที่เกิดขึ้น -สถิติส.ส.ของพรรคที่ลดลงจากการเลือกตั้งปี 54 เดิมที่เคยได้ 19ส.ส.แต่รอบนี้ลดลง มาจากปัจจัยอะไร แน่นอน เพราะคนชื่อบรรหารไม่ได้อยู่เป็นหัวเรือใหญ่แล้ว ทำให้ความมั่นใจ และความหนักแน่นลดน้อยถอยลงไป แต่เมื่อมีการผลัดใบ มีการเปลี่ยนผู้บริหารพรรคใหม่ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ก็จะต้องเริ่มก่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรคต่อไป และมั่นใจว่าท้ายที่สุดทุกพรรคก็ต้องมาเจอสถานการณ์เหมือนกับพรรคชาติไทยพัฒนา เพียงแต่ว่าพรรคชาติไยพัฒนาเกิดก่อน ดูอย่างพรรคประชาธิปัตย์ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้หมด เพราะฉะนั้นวันนี้พรรคชาติไทยพัฒนาต้องมาเสริมความแข็งแกร่งของโครางสร้างภายในใหม่ ทุกอย่างเป็นไปตามวัฐจักร -ผลการเลือกตั้งสำหรับพรรคอื่นแล้วค่อนข้างมีแรงกระเพื่อม มีแรงเสียดทานตามมา อย่างกรณีพรรคประชาธิปัตย์จะเห็นได้ชัด แต่สำหรับพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นอย่างไรบ้าง เราเป็นพรรคขนาดกลางมาตลอด ตอนนั้นได้ 19 เสียง ลดไป 8 เสียง เหลือ 11 เสียง บวกกับสถานการณ์ และกติกาใหม่ กฎหมายใหม่ เราคาดว่าจะได้เยอะกว่านี้ แต่เมื่อผลออกมาก็ต้องรับผลที่เกิดขึ้นและทำให้ดีที่สุด -แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นกับพรรคประชำธิปัตย์จะชี้ได้หรือไม่ว่าเบื่อนักการเมืองหรือมีการซื้อเสียงกันมากขึ้น โดยเฉพาะภาคใต้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน บางครั้งกระแสพรรคการเมืองเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่บางครั้งคนที่อยู่ในพื้นที่ก็ต้องคำนึงถึงด้วยว่าเวลาเลือกเข้าไปแล้วดูแลสารทุกข์สุขดิบของคนใมนพื้นที่ได้มากน้อยแค่ไหน จากนี้ไปก็จะเป็นไปพิสูจน์ให้เห็นว่าส.ส.หน้าเก่าสามารถทำงานได้ดีกว่าดีส.ส.หน้าใหม่หรือไม่ อย่างไร เพราะการทำงานจากนี้ภายใต้ รัฐธรรมนูญปี 60 มีอะไรใหม่ๆเยอะ เพราะฉะนั้นต้องมีการปรับรัฐธรรมนูญพอสมควร อย่างน้อยเรื่องกติกา หรือกลไกในการเลือกตั้งต้องมีการปรับกันแน่นอน ไม่เช่นนั้นเลือกตั้งครั้งต่อไปต้องโกลาหลกันพอสมควร โดยเฉพาะการจัดประชุมสาขา ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นเลย ผมคิดว่าต้องมีการปรับรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหาทำให้ประเทศเดินไปข้างหน้าได้ลำบาก เหมือนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ตอนนี้กลายมาเป็นเหยื่อของกฎกติกาที่ร่างขึ้นมา ซึ่งเราก็เคยติงกันไปแล้ว ซึ่งจะต้เองมีการปรับก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ -ก่อนการเลือกตั้งหลายคนห่วงว่า บ้านเมืองจะไม่สงบ และวันนี้ มองอย่างไร บ้าง ภายใต้องค์พระบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมโพธิสมภารของพระบรมราชจักรี สิ่งที่เกิดขึ้นแต่ละยุคแต่ละสมัยผมมั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วเราจะผ่านพ้นความขัดแย้งไปได้ สังคมไทยได้เรียบรู้บทเรียนกันมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว ช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์รุนแรง และมีการประท้วง น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีให้กับสังคมไทยหลายช่วงวัย เพราะฉะนั้นหลังจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นอีกขอให้ย้อนกลับไปดูว่าเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นแล้วสิ่งที่ตามมาจะมีอะไร ข้อดี ข้อเสีย การที่จะออกมาจุดชนวนกันใหม่ ควรจะคิดกันให้ถ่องแท้ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาคนรรุ่นใหม่ หรือวัยรุ่นที่ออกมาแสดงความคิดเห็นต้องศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองให้ดีว่าในแต่ละยุคเกิดอะไรขึ้นและผลที่จะตามมาคืออะไรบ้าง -ประเมินการทำงานของกกต. ผมสงสารกกต. เพราะกกต.ทำตามกฎระเบียบที่เขียนมาให้ทำ เมื่อระเบียบมาอย่างนี้ก็ต้องทำ ถามว่าซับซ้อนไหมก็ซับซ้อน แต่ต้นตอต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการร่างรัฐธรรมนูญว่าท่านคิดอย่างไร เจตนารมย์คืออะไร ฝ่ายการเมืองได้แสดงความเห็นแล้วว่าจะเกิดปัญหา แต่ก็ไม่ฟัง และในที่สุดก็เกิดปัญหาขึ้น เพราะฉะนั้นวันนี้ผมไม่โทษกกต.เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะกกต.ทำตามกฎระเบียบที่เขาเขียนมา เรื่อง: ชนิดา สระแก้ว