วันที่ 13 เม.ย. รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า สำหรับความคืบหน้าการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคนั้นหาก กกต.ใช้สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อแบบที่จะมีหลายพรรคเล็กได้ ส.ส.นั้น จะเป็นสูตรที่ใกล้เคียงกับที่พรรคพปชร. ใช้คำนวณ ส.ส. ทำให้สามารถคำนวณ ส.ส.ของพรรค และพรรคการเมืองอื่นที่ได้ทาบทามจัดตั้งรัฐบาลได้ รวมถึงทำให้รู้ว่ายังขาดอีกเท่าไรเพื่อให้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร ไว้สำหรับเลือกประธานสภาฯ และโหวตนายกฯ ซึ่งในการโหวตเลือกนายกฯนั้น พรรคต้องการให้ชนะตั้งแต่เสียงในสภาผู้แทนราษฎรไปเลย คือ เกิน 251 เสียง เพื่อสร้างความชอบธรรม และป้องกันการครหาว่า ใช้ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมาช่วยเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ รายงานข่าวระบุว่า ขณะนี้การรวบรวมเสียงมีความคืบหน้าไปมาก  นอกจากพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรคชาติพัฒนา พรรคพลังท้องถิ่นไทย พรรครักษ์ผืนป่า และพรรคเล็กที่ได้ ส.ส. 1 ที่นั่ง 12 พรรค ที่ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้ว ล่าสุดยังได้เพิ่มอีก 5 เสียงจากพรรคเศรษฐกิจใหม่ของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ตอบตกลงจะมาเข้าร่วม เพราะเห็นว่าหากต้องการแก้ปัญหาให้ประชาชนจำเป็นต้องเป็นรัฐบาลเพื่อมาขับเคลื่อนตามที่ได้หาเสียงไว้ ส่วนตัว นายมิ่งขวัญนั้น ยังเจรจาเงื่อนไขกันอยู่ โดยให้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้พูดคุย ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ได้ 52 เสียงนั้น จะไม่มายกพรรค เนื่องจากสมาชิกทางฝั่ง นายชวน หลีกภัย และคนรุ่นใหม่ในพรรคไม่เห็นด้วยกับการมาร่วมกับพรรคพปชร. แต่ว่าที่ ส.ส.ที่นำโดย นายถาวร เสนเนียม ยืนยันว่าจะมา และพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เบื้องต้นมีจำนวน 35 คน โดยถึงขณะนี้มั่นใจว่า มีเสียงมากกว่าฝั่งพรรคเพื่อไทยแล้ว