วันที่ 12 เม.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า เหตุที่ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 128 ซึ่งเป็นวิธีที่ สำนักงาน กกต.คำนวณ และสอดคล้องกับวิธีที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ สามารถจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อพึงมีได้ครบ 150 คน แต่การอาจไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (4) ที่กำหนดหลักการจัดสรร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะเกินกว่าที่พึงมีไม่ได้ โดยการจัดสรรในจำนวนที่ต่ำกว่า 0 อาจถือได้ว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ “โดยวิธีการคำนวณตามาตรา 128 ของกฎหมายลูกว่าด้วย ส.ส.จำเป็นต้องหาข้อยุติให้ชัดเจน แม้ว่าวิธีการคำนวณตามมาตรา 128 ของกฎหมายลูกว่าด้วย ส.ส. จะจัดสรรได้ครบ 150 คน แต่อาจติดขัดต่อประเด็นว่าการจัดสรรนี้ จะทำให้พรรคการเมืองบางพรรคได้ ส.ส.เกินพึงมีหรือไม่” นายอิทธิพร กล่าว นายอิทธิพร ยืนยันว่า การส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นวิธีดำเนินการเหมาะสม และจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประกาศรับรอง ส.ส. ร้อยละ 95 ตามที่กฎหมายกำหนด แต่จะไม่ขอก้าวล่วงอำนาจวินิจฉัยของศาลว่าจะวินิจฉัยแล้วเสร็จก่อนวันที่ 9 พฤษภาคมนี้หรือไม่ ตามกรอบกำหนดวันประกาศรับรอง ส.ส. ประธาน กกต. ระบุถึงกรณีที่สำนักงาน กกต. ออกมาเปิดเผยว่า จะมีอย่างน้อย 25 พรรคการเมืองได้รับการจัดสรรว่าเป็นวิธีการคำนวณเบื้องต้น ตามที่ปรากฏในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นวิธีที่กรรมการร่างรับธรรมนูญเสนอไว้และมากำหนดเป็นมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ และมาตรา 128 ของพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. ซึ่งในมาตรา 91 วรรค 3 กำหนดว่าหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณคิดอัตราส่วนให้เป็นไปตามพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. และการคำนวณของสำนักงานก่อนหน้านี้ เป็นการคำนวณจากคะแนนเบื้องต้นที่มีอยู่ของแต่ละพรรคการเมือง ไม่ใช่คะแนนสุดท้าย ทั้งนี้ นอกจากวิธีการที่สำนักงานคำนวณมา รวมถึงวิธีการอื่นก็อาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วยหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวด้วยว่า หากคำนวณตามวิธีการของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 128 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ซึ่งจะทำให้จัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่อได้ครบ 150 คน เพราะนำเศษทศนิยมมาคิดนั้น ทราบมาว่าในการคำนวณส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของกรธ.นั้น ได้วางหลักคิดคำนวณไว้ส.ส.บัญชีรายชื่อไว้ก่อน และเมื่อหารือกันแล้วเห็นพ้องกันว่าหลักคิดคำนวณดังกล่าวเป็นวิธีการคำนวณส.ส.พึงมี จึงนำไปเขียนให้เป็นมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นวิธีการคำนวณที่กรธ.คุยกันจึงเป็นที่มาของมาตรา 91 ไม่ใช่มีการบัญญัติมาตรา 91 ก่อนและค่อยหาวิธีคำนวณ โดยในการร่างมาตรา 91 นั้น เหตุที่วิธีการคำนวณมีความยาวกรธ.จึงนำไปใส่ไว้ในกฎหมายลูกแทน “ยังมีข้อถกเถียงกันถึงเลขทศนิยม ที่น้อยกว่า 1 เช่น 0.8 จะถือว่าเกินกว่าจำนวนส.ส.ที่พึงมีหรือไม่ เพราะศูนย์อยู่ข้างหน้า ผู้รู้คณิตศาสตร์บอกว่าเลขศูนย์ก็เป็นเลขที่นำมาคำนวณได้ แล้วอยู่ๆจะไปตัดทิ้ง ทั้งนี้ การคำนวณมาตรา 91ในครั้งนั้นไม่มีใครคิดว่าจะมีพรรคใดได้จำนวนส.ส.มากกว่าจำนวนส.ส.พึงมี ซึ่งวิธีการนี้ก็มีวิธีติดไว้ข้างฝานานแล้ว” ประธาน กกต.ระบุ ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดถึงไม่สามารถคำนวณตามเจตนารมณ์ได้อย่างเดียว ประธานกกต. ระบุว่า เมื่อนำ 2มาตรามาพิจารณา ซึ่งความจริงแล้ว มาตรา 128 ของพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. มีที่มาจากมาตรา 91 แห่งรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมาตรา 91 อนุ 4 ตัวอักษรเขียนไว้เช่นนี้ ปัญหาเกิดขึ้นว่าจะต้องยึดสิ่งใด “กกต.คงต้องถือตัวอักษรที่ระบุในกฎหมาย ส่วนการตีความตามเจตนารมณ์เป็นเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณา ดังนั้น เมื่อตัวอักษรเขียนแบบนี้คงถึงทางตันที่ไม่สามารถตัดสินในเรื่องนี้เองได้ จึงต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญช่วยวินิฉัย เพราะเป็นประเด็นที่เกี่ยวกับอำนาจ และหน้าที่ ซึ่งการที่กกต.จะประกาศผลนั้นจะต้องมีความมั่นใจในเรื่องนี้ว่าสิ่งที่เราจะดำเนินการขัดกฎหมายหรือไม่” นายอิทธิพร กล่าว