นายฐากร ตัณฑสิทธิ์เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ได้ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น กสทช.ได้สั่งการให้สำนักงาน กสทช. ภาค 4 ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดที่เกิดภัยพิบัติให้ความร่วมมือและช่วยเหลือหน่วยงานต่างๆ และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วมในครั้งนี้ โดยสำนักงาน กสทช. ได้ทำงานประสานกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมและใกล้เคียง เพื่อสนับสนุนอุปกรณ์สื่อสารสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งจัดส่งรถสื่อสารฉุกเฉินออกสนับสนุนสัญญาณไวไฟในพื้นที่ที่ไม่มีสัญญาณเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อสื่อสารและปฏิบัติงานได้ นอกจากนั้นสำนักงาน กสทช. พร้อมเปิดสำนักงาน กสทช. เขตที่ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัด นครศรีธรรมราช สงขลา ระนอง ชุมพร และภูเก็ต เป็นศูนย์พักพิงสำหรับผู้ประสบภัยในกรณีที่จังหวัดร้องขอมา เนื่องจากพื้นที่ของสำนักงานเขตดังกล่าวยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ขณะที่ในส่วนของผู้ประกอบการ ได้สั่งการไปยังโอเปอเรเตอร์ทุกรายให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่พร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อดูแลโครงข่ายสื่อสารทั้งในระบบบริการโทรศัพท์พื้นฐาน และระบบบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้สามารถใช้บริการอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ "ศูนย์สายลมของสำนักงาน กสทช. ยังเป็นแม่ข่ายในการติดต่อสื่อสารและประสานงานให้กับสมาคมวิทยุสมัครเล่นในพื้นที่ประสบสาธารณภัยในการให้ความร่วมมือกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียงเพื่อให้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วย" นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ เอไอเอส กล่าวว่า มีการวางแผน และมีมาตรการในการเตรียมความพร้อมในทุกๆด้าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้โทรศัพท์สื่อสารได้ตามปกติ โดยได้ยกเว้นการติดตามหนี้และยกเว้นการระงับสัญญาณชั่วคราวสำหรับลูกค้าระบบรายเดือนที่ไม่สะดวกไปชำระค่าใช้บริการตามกำหนด ในเบื้องต้นตั้งแต่วันนี้ - 11 ม.ค. 2560 นอกจากนี้ ในภาพรวมของเครือข่ายไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ เพราะในส่วนของชุมสายและสถานีฐาน ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงน้ำท่วม เราได้เตรียมความพร้อมดูแลเครือข่ายไว้ล่วงหน้า อาทิ ยกระดับความสูงของอุปกรณ์ตู้คอนเทนเนอร์ เตรียมสำรองน้ำมันเพื่อปั่นกระแสไฟฟ้า และการส่งกำลังซ่อมบำรุง ในกรณีที่มีการตัดไฟจากการไฟฟ้า เพื่อให้สัญญาณให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังเตรียมแผนในการบริหาร Traffic การสื่อสารไปยังชุมสายอื่นๆ ให้สามารถรองรับและใช้งานแทนชุมสายที่ได้รับผลกระทบได้ทันที พร้อมทั้งเตรียมรถโมบายเคลื่อนที่ เพื่อรองรับการสื่อสารในพื้นที่ประสบปัญหา โดยมีทีมวิศวกรเอไอเอสที่คอยเฝ้าระวังเพื่อควบคุมสถานการณ์ และคอลล์ เซ็นเตอร์ที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมเฝ้าติดตาม และเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือในพื้นที่อื่นๆ ที่อาจเกิดน้ำท่วมขึ้นได้" ขณะที่บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด 24 ชั่วโมง โดยดีแทคห่วงใยลูกค้าและประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ได้รับความเดือดร้อน เร่งออกมาตรการช่วยเยียวยาและอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าทั้งเติมเงินและรายเดือนที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างหนักใน 8 จังหวัด 36 อำเภอที่ภาคใต้ คือ จ.ตรัง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส และ ยะลา โดยดีแทคจะแจ้งให้ลูกค้าทราบผ่านทาง SMS ลูกค้าดีแทคแบบเติมเงิน ทาง ดีแทคขอมอบสิทธิ์โทรฟรีทุกเครือข่าย 50 นาที ใช้ได้นาน 30 วัน โดยลูกค้าสามารถกด *222*123# เพื่อตอบรับสิทธิ์โทรฟรีนี้ ได้ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. - 11 ม.ค. 60 และเมื่อกดรับสิทธิ์แล้วจะได้รับ SMS ยืนยัน สามารถใช้งานได้นาน 30 วัน ลูกค้าดีแทคแบบรายเดือน ทางดีแทคได้เลื่อนวันชำระเงินโดยอัตโนมัติให้แก่ลูกค้าที่ประสบภัยน้ำท่วมอย่างหนักในพื้นที่ 8 จังหวัด 36 อำเภอ เป็นระยะเวลา 15 วัน หรือ จนถึง 21 ม.ค. 60 สำหรับการดูแลสถานีฐานและโครงข่ายในทุกพื้นที่ภาคใต้ ที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมอย่างหนักในขณะนี้ ดีแทคได้จัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจเร่งตรวจสอบทุกพื้นที่ตามมาตรการรองรับเหตุฉุกเฉินและดำเนินไปตามแผนรองรับภัยพิบัติเพื่อให้บริการได้อย่างดีที่สุด เช่นเดียวกับ ทรูมูฟ เอช แจ้งว่า ได้เร่งบรรเทาทุกข์ลูกค้าผู้ใช้บริการที่กำลังประสบปัญหาวิกฤตน้ำท่วมในภาคใต้ จัดทีมเฝ้าระวัง 24 ชั่วโมงสร้างความมั่นใจด้านเครือข่ายดูแลให้ลูกค้าใช้งานสื่อสารได้ต่อเนื่องทุกพื้นที่ พร้อมมอบความช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ลูกค้าในพื้นที่ประสบภัยขยายเวลาชำระค่าบริการ สำหรับพื้นที่ 12 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฏร์ธานี กระบี่ ตรัง ปัตตานี ยะลา โดยทางทรูมูฟ เอช จะขยายเวลาชำระค่าบริการแก่ลูกค้าแบบรายเดือนไปอีก 30 วัน ส่วนลูกค้าเติมเงินจะได้รับการเพิ่มวันใช้งานทันทีเป็นเวลา 30 วัน และให้โทรฟรีหากันในเครือข่ายทรูมูฟเอช นาน 30 วัน ตลอดจนเปิดให้โทรฟรี หมายเลข 1784 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย และ1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นายกิตติณัฐ ทีคะวรรณ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการพาณิชย์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฏร์ธานี กระบี่ ตรัง ปัตตานี ยะลานั้น ขณะนี้ลูกค้ายังสามารถใช้งานติดต่อสื่อสารได้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางเวลาอาจได้รับผลกระทบบ้าง เนื่องจากมีการตัดการจ่ายไฟ เพื่อป้องกันอันตรายจากน้ำท่วมสูงในบางพื้นที่ในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อย่างไรก็ตาม ขอให้มั่นใจในการใช้งานบนเครือข่ายทรูมูฟ เอช ที่เราได้เตรียมความพร้อมแผนฉุกเฉินเพื่อรองรับสถานการณ์โดยจัดทีมวิศวกรเฝ้าติดตามตรวจสอบโครงข่ายสัญญาณในพื้นที่ทั้ง 12 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมระบบสำรองไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเคลื่อนที่ไว้ ณ สถานีฐานกรณีเกิดไฟฟ้าดับ รวมทั้งรถสถานีเครือข่ายเคลื่อนที่เพื่อเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที ตลอดจนเตรียมสถานีเครือข่ายสำรองเพื่อเตรียมพร้อมสลับเส้นทางการเชื่อมโยง (reroute) ทันทีที่มีสถานีเครือข่ายเกิดเหตุฉุกเฉิน