เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ม. ค. 60 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมคณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ประชุมงานด้านความมั่นคงและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งก่อนเข้าประชุมอย่างเป็นทางการ ได้ประชุมหารือกลุ่มเล็กด้านความมั่นคง ณ ห้องประชุมชั้น ๓ ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส ในส่วนของภารกิจของผู้แทนพิเศษของรัฐบาล และความรับผิดชอบของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า รวมถึงการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ โดยที่ไม่อนุญาตให้สื่อทุกแขนงเข้าทำข่าว หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ ประชุมติดตามงานความมั่นคงและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ การรายงานสรุปโครงการขับเคลื่อนเมืองต้นแบบ สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานีและจังหวัดยะลา ตลอดจนส่วนราชการในพื้นที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ได้เข้าร่วมประชุม แต่ถึงอย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายวันนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พร้อมคณะรัฐมนตรีจะลงพื้นที่อำเภอระแงะเพื่อพบปะประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยและวาตภัย พร้อมมอบถุงยังชีพจำนวน 2,000 ถุง แก่ผู้ประสบอุทกภัย ก่อนจะเดินทางไปยังท่าอากาศยานราธิวาส เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ จากการสอบสวนนายกิตติกร ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเพิ่งออกจากเรือนจำมาเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. ปี59 ก่อนมาทำอาชีพขายผลไม้ อยู่บริเวณวัดกู้ เงินไม่พอใช้ ยิ่งขายยิ่งเป็นหนี้ จึงชักชวนกับเพื่อนอีกรายที่รู้จักกันในเรือนจำมาตระเวนก่อเหตุลักษณะดังกล่าวประทังชีวิต มักจะเลือกเหยื่อที่เดินตามท้องถนน ไม่เว้นว่าจะเป็นหญิงหรือชาย แล้วแต่จังหวะ "ซึ่งตนยอมรับว่าเป็นผู้ใช้มีดแทงผู้ต้องหาจริง เนื่องจาดเห็นผู้ตายเดินกดโทรศัพท์มือถือเล่น จึงเข้าไปทำทีตีสนิทแกล้งถามเส้นทาง เมื่อผู้ตายสบโอกาสหันมาคุยด้วย จึงพยายามชิงทรัพย์เข้าแย่งโทรศัพท์มือถือ แต่ทว่า่ผู้ตายขัดขืน จึงใช้อาวุธมีดที่พกติดตัวมาด้วยแทงไปหลายครั้ง ทั้งนี้ระหว่างยื้อแย่งนั้นตนได้จังหวะแทงไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้เหยื่อสู้ได้ ไม่ได้ตั้งใจแทงที่คอ และไม่ได้ตั้งใจให้ถึงแก่ความตาย อีกทั้งมีดเล่มนี้ตนก็ใช้ขายผลไม้ด้วย ทั้งนี้ตนขอยืนยันว่าเจ้าตัวไม่ได้เมายาเสพติดแต่อย่างใด นักข่าวไปเขียนกันเอง ต้องขอความเห็นใจด้วย"นายกิตติกร กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด นอกจากนี้คนร้ายรายนี้ยังได้ร่วมกับเพื่อนที่ยังหลบหนีก่อเหตุก่อนหน้านี้ในค่ำคืน(4ม.ค.)เดียวกัน เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 22.07 น. พยายามกระชากกระเป๋า เหยื่อหญิงสาว ที่บริเวณซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 แต่ไม่ได้ทรัพย์สินไปแต่อย่างใด จากนั้น เวลา 22.15 น. ได้มาก่อเหตุกับผู้ตาย ซึ่งระหว่างการต่อสู้ทำให้คนร้ายทำหมวกกันน็อกตกในที่เกิดเหตุรวมทั้งเสื้อผ้าสวมใส่เปื้อน ต้องไปเปลี่ยนชุดใหม่ ต่อมา เวลา 01.30 น.วันที่ 5 ม.ค. ได้ลงมือก่อเหตุกระชากโทรศัพท์ไอโฟน 5 เอส จากเหยื่อสาว ที่บริเวณซอยสุคนธสวัสดิ์ 9 พื้นที่ สน.โชคชัย และเวลา 02.30 น. คืนเดียวกัน คนร้ายได้ก่อเหตุชิงทรัพย์เหยื่อสาว ได้โทรศัพท์ซัมซุง และเงินสด จำนวน 5,000 บาท ที่บริเวณริมทางเท้า หน้า รพ.สินแพทย์ ก่อนจะแยกย้ายกันไป นายกิตติกร รับสารภาพอีกว่า ผู้ต้องหาอีกรายที่เป็นเพื่อนของซึ่งเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หลังทราบข่าวจากสื่อว่านายวศิน เสียชีวิต ได้มีการส่งข้อความผ่านเฟซบุ๊กมาหาตนว่าให้นำเงินทรัพย์สินที่ได้มาจากการก่อเหตุมาให้ด้วย แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธไปเนื่องจากไม่มี หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้อีก โดย พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า อยากจะขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ร่วก่อเหตุอีกรายเข้ามามอบตัวโดยเร็ว ขณะนี้ทราบแล้วว่าเป็นผู้ใด อีกทั้งหากใครให้ที่พักพิงให้แจ้งเบาะแสมาที่ตำรวจ เพราะอาจจะมีความผิดอีกด้วย อย่างไรก็ตามทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อต่อคำให้การ เนื่องจากคนร้ายรายนี้เมื่อทำการตรวจสอบประวัติ คุกมา8ครั้ง ตั้งแต่อายุ13ปี อาทิ คดีจำหน่ายสิ่งลามกอนาจาร คดีเกี่ยวกับยาเสพติด คดีบุกรุก คดีทำร้ายร่างกายและล่าสุด คดีร่วมกันผลิตน้ำพืชกระท่อม แล้วเพิ่งออกมาจากเรือนจำ เมื่อปลายปีที่ผ่านมานี้ เบื้องต้นแจ้งข้อหา"ร่วมกันชิงทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะ คนหนึ่งคนใดมีอาวุธติดตัวไปเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีอาวุธติดตัวไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร" ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป