หากกล่าวถึงโลกของวงการดีไซน์ “ประเทศอิตาลี” ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านงานออกแบบระดับโลก ทั้งในด้านแฟชั่น ศิลปะ และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดบรรดาแบรนด์ชั้นนำและดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ผลิตผลงานชิ้นประวัติศาสตร์มาแล้วมากมาย รวมถึงเป็นประเทศที่มีสถานศึกษาด้านการออกแบบที่มีชื่อเสียงที่สุดที่หลายคนใฝ่ฝัน
จูลิโอ แคปเปลลีนี (Giulio Cappellini) เจ้าของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์เเละของตกเเต่งบ้านอันโด่งดังในชื่อ Cappellini S.p.A. และอาร์ตไดเร็กเตอร์ของสถาบันสอนการออกแบบมารังโกนี มิลาน (Istituto Marangoni Design School) คือหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลแห่งอุตสาหกรรมดีไซน์อิตาเลียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อไม่นานมานี้จูลิโอได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อแนะแนวเทคนิคพิเศษในการหาแรงบันดาลใจในการออกแบบยุคใหม่ให้กับนักออกแบบไทยในงาน Bangkok Design Week 2019 ซึ่งได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ลอเร็นโซ กาลานติ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลี ประจำประเทศไทย พร้อมภริยา มาร่วมฟังบรรยายในครั้งนี้
โดยจูลิโอได้กล่าวถึงงานดีไซน์ยุคปัจจุบัน ว่า “เราสามารถพบงานดีไซน์ได้ในทุกสิ่งและทุกหนแห่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเมื่อพูดถึงงานดีไซน์เราคงจะนึกถึงแค่โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา แต่ตอนนี้งานดีไซน์อยู่ในขวดน้ำ โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ หรือ คอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าในปัจจุบันการเป็นดีไซเนอร์ไม่ได้เพียงออกแบบเก้าอี้ แต่มีของเป็นพันๆ ชนิดให้คุณสามารถออกแบบ ผมว่าการพยายามมอบสุนทรียะความงามให้กับผู้ใช้ผ่าน ผลิตภัณฑ์ก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับดีไซเนอร์”
นอกจากนี้จูลิโอยังเผยถึงแรงบันดาลใจที่ส่งอิทธิพลต่อผลงานของเขาว่า“ผมชอบทำงานกับสีและฟินิชชิ่งดีไซน์บนวัสดุต่างๆ แม้จะเป็นวัตถุชิ้นเดียวกันแต่หากคุณลองเปลี่ยนสีหรือเท็กซ์เจอร์ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับมิติภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ได้ไม่น้อย เพราะฉะนั้นพาเลตต์สีจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง ผมจึงชอบใช้เวลาไปกับการทดลองหาคู่สีใหม่ๆ เพราะจะว่าไปแล้วมันก็ช่วยให้ประหยัดเวลาไม่ต้องร่างดีไซน์ใหม่ออกมาเยอะแค่เปลี่ยนสีก็ได้ฟินิชลุคใหม่เลย”
ทั้งนี้ยังได้พูดถึงเทรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่โดดเด่นในปี 2019 “ช่วงหลังมานี้มีคนค้นพบวัสดุใหม่ๆ จากธรรมชาติเยอะขึ้น บางทีหากนำมาผสานกับเทคโน โลยีใหม่ๆ ในแบบที่แตกต่างก็คงจะยอดเยี่ยม ส่วนในเรื่องของพาเล็ตต์สีผมว่าก่อนหน้านี้สีสดใสสไตล์สีเพ้นต์ภาพอย่างชมพูอ่อน ฟ้าอ่อนก็ได้รับความนิยม แต่สำหรับปีนี้สีเข้มๆ หม่นๆ อย่างเทาหม่น ส้มหม่น ฟ้าหม่น ก็กำลังมาแรง สีดำก็ถือได้ว่าเป็นเฉดแห่งอินทีเรียร์ดีไซน์ร่วมสมัย คนใช้สีสันกันน้อยลงและใช้สีดำกันมากขึ้น นอกจากนั้นทองเหลืองและบรอนซ์ที่เป็นวัสดุโทนอุ่นก็ได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย”
สำหรับประเทศไทย หากนักออกแบบต้องการการแนะแนวเพื่อศึกษาต่อด้านการออกแบบในประเทศอิตาลี สามารถขอคำแนะนำจากตัวแทนสถาบันแนะแนวการศึกษา ดีพี เอดูเคชั่น (DP Education) กับ ดวง โปษยานนท์ ที่เป็น I’M Alumni Ambassador และเป็นตัวแทนสถาบันสอนการออกแบบมารังโกนี ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ที่เป็นตัวแทนสถาบันสอนการออกแบบมารังโกนี่ในประเทศไทย รวมถึงคำปรึกษาทั้งด้านการใช้ชีวิตในต่างแดน ซึ่งช่วยให้ผู้ต้องการศึกษาต่อได้ข้อมูลที่ถูกต้องในการตัดสินใจเลือกเรียนสาขาย่อยต่างๆ
และจูลิโอยังปิดท้ายด้วยสิ่งสำคัญของงานออกแบบว่า “คุณภาพของวัสดุและการออกแบบทรวดทรงต่างๆ นั้นสำคัญมาก ความหรูหราที่แท้จริงไม่ใช่เพียงการตกเป็นเหยื่อของเทรนด์ แต่เป็นการป่าวประกาศถึงตัวตนของคุณให้ออกมาใกล้เคียงกับความชื่นชอบจริงๆ มากที่สุด ผมว่า “ความแตกต่าง” คือสิ่งสำคัญสำหรับทุกวันนี้ โดยความลักชัวรี่คือคุณภาพ เพราะหากเป็นสมัยก่อนผู้คนก็อยู่ในบ้านที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันหมด รวมถึงวัตถุต่างๆ ที่พวกเขาใช้ แต่ตอนนี้ด้วยไอเดียแห่งอิสรภาพครั้งใหม่ เราอยู่อาศัยในบ้านที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ตัวตนของแต่ละคนอย่างเสรีมากขึ้น รวมถึงข้าวของต่างๆ ในบ้านด้วยเช่นกัน อย่างเช่น การแต่งตัวที่คุณนำแอคเซสเซอรี่ต่างๆ มามิกซ์แอนด์แมตช์ในแบบของตน ผมว่าตอนนี้ถึงจุดจบของยุคที่ความลักชัวรี่มาในรูปแบบของแบรนด์ๆ เดียว หรือรูปลักษณ์แบบเดียวแล้ว ทุกวันนี้เรามีอิสระในการผสมผสานโปรดักต์ที่แตกต่างเข้าด้วยกันเพื่อเข้าถึงตัวตนของลูกค้ามากขึ้นครับ”
จูลิโอ แคปเปลลีนี (Giulio Cappellini) เจ้าของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์เเละของตกเเต่งบ้านอันโด่งดังในชื่อ Cappellini S.p.A. และอาร์ตไดเร็กเตอร์ของสถาบันสอนการออกแบบมารังโกนี มิลาน (Istituto Marangoni Design School) คือหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลแห่งอุตสาหกรรมดีไซน์อิตาเลียนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เมื่อไม่นานมานี้จูลิโอได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อแนะแนวเทคนิคพิเศษในการหาแรงบันดาลใจในการออกแบบยุคใหม่ให้กับนักออกแบบไทยในงาน Bangkok Design Week 2019 ซึ่งได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ลอเร็นโซ กาลานติ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลี ประจำประเทศไทย พร้อมภริยา มาร่วมฟังบรรยายในครั้งนี้
โดยจูลิโอได้กล่าวถึงงานดีไซน์ยุคปัจจุบัน ว่า “เราสามารถพบงานดีไซน์ได้ในทุกสิ่งและทุกหนแห่ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนเมื่อพูดถึงงานดีไซน์เราคงจะนึกถึงแค่โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา แต่ตอนนี้งานดีไซน์อยู่ในขวดน้ำ โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ หรือ คอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นผมคิดว่าในปัจจุบันการเป็นดีไซเนอร์ไม่ได้เพียงออกแบบเก้าอี้ แต่มีของเป็นพันๆ ชนิดให้คุณสามารถออกแบบ ผมว่าการพยายามมอบสุนทรียะความงามให้กับผู้ใช้ผ่าน ผลิตภัณฑ์ก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับดีไซเนอร์”
นอกจากนี้จูลิโอยังเผยถึงแรงบันดาลใจที่ส่งอิทธิพลต่อผลงานของเขาว่า“ผมชอบทำงานกับสีและฟินิชชิ่งดีไซน์บนวัสดุต่างๆ แม้จะเป็นวัตถุชิ้นเดียวกันแต่หากคุณลองเปลี่ยนสีหรือเท็กซ์เจอร์ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับมิติภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ได้ไม่น้อย เพราะฉะนั้นพาเลตต์สีจึงเป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง ผมจึงชอบใช้เวลาไปกับการทดลองหาคู่สีใหม่ๆ เพราะจะว่าไปแล้วมันก็ช่วยให้ประหยัดเวลาไม่ต้องร่างดีไซน์ใหม่ออกมาเยอะแค่เปลี่ยนสีก็ได้ฟินิชลุคใหม่เลย”
ทั้งนี้ยังได้พูดถึงเทรนด์เฟอร์นิเจอร์ที่โดดเด่นในปี 2019 “ช่วงหลังมานี้มีคนค้นพบวัสดุใหม่ๆ จากธรรมชาติเยอะขึ้น บางทีหากนำมาผสานกับเทคโน โลยีใหม่ๆ ในแบบที่แตกต่างก็คงจะยอดเยี่ยม ส่วนในเรื่องของพาเล็ตต์สีผมว่าก่อนหน้านี้สีสดใสสไตล์สีเพ้นต์ภาพอย่างชมพูอ่อน ฟ้าอ่อนก็ได้รับความนิยม แต่สำหรับปีนี้สีเข้มๆ หม่นๆ อย่างเทาหม่น ส้มหม่น ฟ้าหม่น ก็กำลังมาแรง สีดำก็ถือได้ว่าเป็นเฉดแห่งอินทีเรียร์ดีไซน์ร่วมสมัย คนใช้สีสันกันน้อยลงและใช้สีดำกันมากขึ้น นอกจากนั้นทองเหลืองและบรอนซ์ที่เป็นวัสดุโทนอุ่นก็ได้รับความนิยมมากขึ้นด้วย”
สำหรับประเทศไทย หากนักออกแบบต้องการการแนะแนวเพื่อศึกษาต่อด้านการออกแบบในประเทศอิตาลี สามารถขอคำแนะนำจากตัวแทนสถาบันแนะแนวการศึกษา ดีพี เอดูเคชั่น (DP Education) กับ ดวง โปษยานนท์ ที่เป็น I’M Alumni Ambassador และเป็นตัวแทนสถาบันสอนการออกแบบมารังโกนี ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 ที่เป็นตัวแทนสถาบันสอนการออกแบบมารังโกนี่ในประเทศไทย รวมถึงคำปรึกษาทั้งด้านการใช้ชีวิตในต่างแดน ซึ่งช่วยให้ผู้ต้องการศึกษาต่อได้ข้อมูลที่ถูกต้องในการตัดสินใจเลือกเรียนสาขาย่อยต่างๆ
และจูลิโอยังปิดท้ายด้วยสิ่งสำคัญของงานออกแบบว่า “คุณภาพของวัสดุและการออกแบบทรวดทรงต่างๆ นั้นสำคัญมาก ความหรูหราที่แท้จริงไม่ใช่เพียงการตกเป็นเหยื่อของเทรนด์ แต่เป็นการป่าวประกาศถึงตัวตนของคุณให้ออกมาใกล้เคียงกับความชื่นชอบจริงๆ มากที่สุด ผมว่า “ความแตกต่าง” คือสิ่งสำคัญสำหรับทุกวันนี้ โดยความลักชัวรี่คือคุณภาพ เพราะหากเป็นสมัยก่อนผู้คนก็อยู่ในบ้านที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกันหมด รวมถึงวัตถุต่างๆ ที่พวกเขาใช้ แต่ตอนนี้ด้วยไอเดียแห่งอิสรภาพครั้งใหม่ เราอยู่อาศัยในบ้านที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ตัวตนของแต่ละคนอย่างเสรีมากขึ้น รวมถึงข้าวของต่างๆ ในบ้านด้วยเช่นกัน อย่างเช่น การแต่งตัวที่คุณนำแอคเซสเซอรี่ต่างๆ มามิกซ์แอนด์แมตช์ในแบบของตน ผมว่าตอนนี้ถึงจุดจบของยุคที่ความลักชัวรี่มาในรูปแบบของแบรนด์ๆ เดียว หรือรูปลักษณ์แบบเดียวแล้ว ทุกวันนี้เรามีอิสระในการผสมผสานโปรดักต์ที่แตกต่างเข้าด้วยกันเพื่อเข้าถึงตัวตนของลูกค้ามากขึ้นครับ”