วันที่ 3 เม.ย. 62 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ตส่วนตัว อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี - ปชป ถึง หน.ปชป. คนใหม่ โดยระบุข้อความว่า
จดหมายถึงหัวหน้าคนใหม่ : ปชป. ต้องรักษา "ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” . ท่านที่ยึดหลักรักษา “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” และปฏิเสธ “ระบอบทักษิณ” อย่างชัดเจน จะได้รับเสียงสนับสนุนเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และเป็นความหวังของคนไทย . “ปลุกระดมหมิ่นเบื้องสูง สร้างวาทกรรมตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร ผูกเรื่องให้อภิสิทธิ์เป็นเผด็จการ ทั้งที่ความจริงเลือกนายกกันในสภา พาคนไปชุมนุมเผาบ้านเผาเมือง ผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตกลับไม่สืบหาฆาตกรมาลงโทษ แต่เลือกจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม แถมพ่วงล้างผลคดีทุจริตของพวกพ้อง ทุจริตจำนำข้าวชาติเสียหายหลายแสนล้าน” เรื่องพวกนี้เราเห็นกันมาแล้วทั้งสิ้น อย่าให้มันวนกลับมาอีก . กระบวนทัศน์ ต้องชัดเจนเพื่อชี้นำสังคมไปในทางที่ดี อย่าปล่อยให้คนเลวได้ปกครองบ้านเมือง ต้องรักษาแนวร่วมที่มีเป้าหมายเดียวกัน หัวหน้าพรรค ปชป. คนใหม่ ต้องตระหนักว่า พรรคการเมืองใดคือแนวร่วมที่ต้องเดินไปด้วยกัน และพรรคใดที่ต้องแยกทางกันเด็ดขาด . การเลือกตั้งผ่านไปแล้ว รอเพียงผลเลือกตั้งให้นิ่งอย่างเป็นทางการเท่านั้น หาก พปชร. ปชป. ภูมิใจไทย และพรรคร่วมอื่น รวมกันมี ส.ส.เกิน 250 คน ก็เป็นหลักประชาธิปไตยสากลที่จะเป็นรัฐบาลได้อยู่แล้ว ส่วน ส.ว. แต่งตั้ง ก็ควรเคารพเสียงที่ประชาชนเลือก ส.ส. เข้ามา โดย ปชป. เองยังมี “อิสระในมาตรฐานจริยธรรม” ในการถอนตัวทันทีหากรัฐบาลทุจริตในอนาคต . เกือบ 5 ปีมานี้ เราก็ทราบว่ารัฐบาล คสช. มีจุดอ่อนที่แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ปชป. ได้เพียรพยายามทำงานกับสถาบันออกแบบอนาคตประเทศไทย (FIT) จนคลอดนโยบายที่ชัดเจน พร้อมทำงาน แต่มันจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเป็นรัฐบาล . อย่ารีบฟันธงเป็นฝ่ายค้าน ขณะที่จำนวน ส.ส. ยังไม่นิ่ง ต้องเดินตามหลักการ “ประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต” ที่ได้เคยพูดไว้ มิเช่นนั้นผลมันจะออกมาได้แค่ 2 ทาง คือ 1. รัฐบาลเผด็จการ คสช.อยู่ต่อพร้อม ม.44 เพราะยังตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยไม่ได้ หรือ 2. สุดารัตน์เป็นนายก ผมขอย้ำว่าเป้าหมายและกระบวนทัศน์ต้องมั่นคง . ทั้งนี้ ขึ้นกับผู้บริหาร และ ส.ส.ใหม่ของ ปชป. ว่าจะพาพรรคไปในทิศทางใด ผมฝากหัวหน้าคนใหม่ว่าต้องยืนให้มั่นคง ดำรงเป้าหมายให้ดี และมีความกล้าหาญ ผมเชื่อว่าคนหัวใจเพชรที่เลือกประชาธิปัตย์ 3.9 ล้านเสียง และอีก 7.5 ล้านเสียงที่เปลี่ยนใจไปเลือกพรรคอื่นแล้ว ก็คงส่งใจเชียร์ให้ประชาธิปัตย์ เข้มแข็งและมั่นคงในแนวทางการรักษา ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เช่นกัน