สำหรับตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยในปี 2562 นี้ต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะประทศในแถบยุโรป อาทิ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจในหลายๆ ประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยว และการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย นอกจากนี้ยังมีปัจจัยจากการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ และสภาพความแปรปรวนของภูมิอากาศทั่วโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อแผนการเดินทาง ด้วยเหตุนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงเร่งทำการตลาดในกลุ่มประเทศแถบเอเชีย และอาเซียน เพื่อมาเติมเต็มจำนวนนักท่องเที่ยวข้างต้นที่อาจจะชะลอตัว โดยมุ่งเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ อย่างเช่น การเข้าไปจัดกิจกรรมการตลาดในงานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ทราเวล แฟร์ 2019 ที่ กรุงย่างกรุง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ช่วงที่ผ่านมา มุ่งตลาดระยะใกล้เฉพาะกลุ่ม ในเรื่องนี้ นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า การส่งเสริมการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียนแตกต่างจากภูมิภาคอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม 4 ประเทศ คือ กลุ่มซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) เป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากต้องทำงานเป็นสองทาง คือ ส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวในอาเซียนเดินทางเที่ยวภายในภูมิภาคแล้ว ยังต้องแชร์องค์ความรู้ของนักท่องเที่ยวไทยไปสู่ประเทศดังกล่าวด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้จับคู่ทำตลาด ทั้งไทย-กัมพูชา ไทย-ลาว ไทย-เวียดนาม และไทย-พม่า “ต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจเมียนมาเวลานี้มีปัญหาจาการถูกยุโรปแซงชั่น ดังนั้นปีนี้จึงไม่เน้นเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมากนัก แต่จะเน้นกระตุ้นในนักท่องเที่ยวเดิมใช้จ่ายมากขึ้น โดยได้นำเสนอขายกิจกรรมใหม่ๆ เช่น การรักษาพยาบาล กิจกรรมสวนสนุกธีมปาร์ค การเดินทางไปเช็กอินที่อาคารมหานคร ดิไอคอนสยาม และเปิดตลาดใหม่ไปยังหัวหิน ภูเก็ต เขาใหญ่ เป็นต้น ซึ่งจะดำเนินการทางตลาดไม่เฉพาะแต่ตลาดพม่าเท่านั้น แต่ขยายไปยังกลุ่มซีแอลเอ็มวีที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตของกรุงเทพด้วย” นายธเนศวร์ กล่าว ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ ขณะที่ในเชิงนโยบายสำหรับตลาดอาเซียนนั้น ทางททท.จะมุ่งเน้นทำการตลาดเฉพาะกลุ่มมากขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนามที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยเกิน1 ล้านคน เพื่อสอดรับกับภาพรวมของจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะต้องโตถึง 8-10% ดังนั้นจึงต้องกระตุ้นทุกตลาด แต่อาจต้องมุ่งเน้นไปที่ประเทศที่มีเส้นทางทางการบินระยะสั้นเพิ่มขึ้นพร้อมเร่งทำตลาดทุกรูปแบบ เพื่อนำมาทดแทน กับสิ่งที่เกิดขึ้นจากการชะลอตัวทางเศรษฐกิจในตลาดยุโรป เนื่องจากประเทศในแถบยุโรปเวลานี้มีปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง เช่น ตลาดหลักอย่างอังกฤษจำนวนนักท่องเที่ยวแทบไม่โต เพราะปัญหาเบร็กซิท ส่วนประเทศเยอรมันโตประมาณ 5% ฝรั่งเศสประมาณ 5% โดยตลาดรวมของยุโรปโตประมาณ 5-6%เท่านั้น เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่-ครอบครัว ด้าน นางกุลปราโมทย์ วรรณะเลิศ ผู้อำนวยการกองตลาดอาเซียน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในส่วนของตลาดอาเซียน ส่วนใหญ่รู้จักแต่ กรุงเทพฯ และพัทยา ซึ่งกลุ่มที่เดินทางอยู่เวลานี้ คือ เป็นกลุ่มท่องเที่ยวซ้ำ หรือ Re Visit อายุประมาณ 40-60 ปี มีประมาณ 84% แต่ในปีนี้จะรุกตลาดในกลุ่มหนุ่มสาวมากขึ้น เน้นกลุ่มท่องเที่ยวครั้งแรก หรือ First Visit ที่มีประมาณ 16% เพื่อสร้างให้เกิดตลาดนาคตที่จะมาเติมเต็มตลาด Re Visit ซึ่งมีแนวโน้มลดลง เพราะเดินทางไม่ไหว หรือเหตุผลใดๆ ก็ตาม และประเทศไทยสามารถตอบโจทย์กลุ่มหนุ่มสาวดังกล่าวได้ เพราะมีความทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือเป็นเรื่องของการใช้ชีวิต เช่น เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ เป็นต้น ทั้งนี้ นางกุลปราโมทย์ ได้กล่าวต่อว่า ในการทำตลาดมีการแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ทั้งหัวหิน เชียงใหม่ ภูเก็ต เขาใหญ่ซึ่งจะต้องดูตามเส้นทางของสายการบินด้วย อย่างเช่น บางกอกแอร์เวย์เปิดเส้นทางไปยังเชียงใหม่ ภูเก็ต พร้อมกันนี้ทางททท.ได้จัดทำแฟมทริปไปยังหัวหิน เขาใหญ่ มีการนำเซเลบริตี้เข้าไปถ่ายทำ เพื่อนำมาบอกกล่าวให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวของพม่าได้รู้จักมากขึ้น รวมไปถึงในประเทศเพื่อนบ้านก็จะใช้คอนเซ็ปต์เดียวกัน ส่วนอีกกลุ่มที่มองเมืองไทยเป็นเป้าหมาย คือกลุ่มที่เดินทางเป็นครอบครัว ในช่วงหน้าฝนของไทย เป็นช่วงปิดเทอม คือ พฤษภาคม-กรกฏาค เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องดำเนินการ คือ ทำแอพพลิเคชั่นแนะนำแหล่งท่องเที่ยวของเมืองไทยในรูปแบบครอบครัว เพื่อนำเสนอประเทศไทยได้ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้ งานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ทราเวล แฟร์ 2019 สำหรับ งานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ทราเวล แฟร์ 2019 (Amazing Thailand Travel Fair 201) ที่ กรุงย่างกรุง สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบ B2C (Business to consumer) เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวและการบริการทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักในตลาดเมียนมา พร้อมกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเมียนมากลุ่มศักยภาพตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศไทยมากยิ่งขึ้นผ่านการซื้อขายแพ็คเกจในงานการจัดงาน สำหรับตลาดเมียนมา ถือเป็นนักท่องเที่ยวอันดับ 1 ในตลาดอาเซียน ที่มียอดการใช้จ่ายสูงสุดเป็นอันดับ 1 เฉลี่ย 3-5 หมื่นบาทต่อคน โดยในปี 2561 ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวชาวเมียนมา เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยประมาณ 387,722 คน ซึ่งทาง ททท. เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ทราเวล แฟร์ 2019ในครั้งนี้ จะช่วยกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ให้เดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยว ในช่วงปีนี้อย่างแน่นอน