“บ้าน คือ วิมานของเรา...” ด้วยประการฉะนั้น จึงทำให้คนเป็นจำนวนมาก ทำงาน หาเงิน มาซื้อ มาสร้างบ้าน แบบหัวเป็นน็อต ตัวเป็นเกลียว กว่าจะได้ “บ้านของตนเอง” สักหนึ่งหลัง ทว่า สำหรับใน “สหรัฐอเมริกา” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในหมู่ประชาชน “คนสูงอายุ” ที่นั่น กลับมิได้เป็นเช่นนั้น เมื่อบรรดาชาวอเมริกันสูงวัยที่ว่า นอกจากจะไม่ดิ้นรนขวนขวายหาบ้านเป็นของตนเองแล้ว ก็ยัง “ประกาศขายบ้าน” ที่ตนเองมีอยู่ เป็นเจ้าของอยู่ อีกต่างหากด้วย ส่วนเมื่อขายบ้านของตนเองไปแล้ว พวกเขาจะไปอยู่กันที่ไหนนั้น ก็ได้รับคำตอบจากเหล่าอเมริกันชรา แบบแทบจะตรงกันเป็นเสียงเดียวว่า ไป “เช่าบ้าน” หรือ “เช่าที่พักต่างๆ เช่น อพาร์ตเมนต์” เป็นต้น อาศัยอยู่ ในช่วงบั้นปลายชีวิตที่เหลือ โดยสถานการณ์ข้างต้น ก็ต้องบอกว่า เป็น “ปรากฏการณ์” ที่อเมริกันชนคนสูงวัย ขายบ้านของตนเองอย่างเป็นล่ำ เป็นสัน เป็นประวัติการณ์กันเลยทีเดียว ตามการเปิดเผยของ “เรนท์คาเฟ” เว็บไซต์ซึ่งให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับการเช่าที่อยู่อาศัยของผู้คนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งได้ศึกษาสำรวจ ก่อนจัดทำเป็นสถิติในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุด “เรนท์คาเฟ” เผยแพร่รายงานทางสถิติเกี่ยวกับการเช่าที่อยู่อาศัยของประชาชนชาวสหรัฐฯ ผู้สูงวัย ในห้วงปีที่ผ่านพ้นไป ผลปรากฏว่า จำนวนผู้สูงอายุชาวอเมริกัน ได้พากันขายบ้าน แล้วไปเช่าบ้าน เช่าที่พักอาศัยในรูปแบบต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างจำนวนมหาศาล เมื่อเปรียบเทียบกับห้วงปีก่อนๆ และช่วงอายุอื่นๆ พร้อมแสดงตัวเลขช่วงอายุของอเมริกันชนที่ออกไปเช่าบ้าน เช่าที่อาศัยต่างๆ เอาไว้ด้วย การทำกิจกรรมต่างๆ ในกลุ่มผู้สูงอายุชาวอเมริกัน ที่พำนักอาศัยในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง โดย “เรนท์คาเฟ” ระบุว่า ในขวบปีที่ผ่านมา ชาวอเมริกันที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ออกไปเช่าบ้านเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 43 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทะยานพุ่งสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขระหว่างปี 2543 – 2560 หรือในช่วง 17 ปี เลยทีเดียว ทั้งนี้ ทาง “เรนท์คาเฟ”ยังระบุด้วยว่า นี่!...เป็นตัวเลขที่สำรวจตามเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น ส่วนเมืองเล็กๆ คาดว่าจะยังมีอีกจำนวนไม่น้อย นอกเหนือการสำรวจอีก ตัวเลขของ “เรนท์คาเฟ” ข้างต้น สอดคล้องกับข้อมูลของ สำนักงานสำมะโนประชากรของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยตัวเลขการออกมาเช่าบ้านของเหล่าบรรดาผู้สูงอายุชาวอเมริกันด้วยเช่นกัน ขณะที่ ช่วงอายุอื่นๆ ปรากฏว่า อเมริกันชนระหว่างอายุ 35 – 59 ปี มีอัตราการออกไปเช่าบ้าน เช่าที่พักอาศัยต่างๆ จำนวนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 17 เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับในการสำรวจปีก่อนๆ ยิ่งในหมู่ประชาชนชาวอเมริกันที่มีอายุต่ำกว่า 34 ปี ก็ปรากฏว่า มีอัตราการออกไปเช่าบ้านอยู่น้อยลงไปอีก โดยเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 7 เท่านั้น สถานออกกำลังกายของกลุ่มผู้สูงอายุ ภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง เหตุผลที่ทำให้อเมริกันชนผู้สูงวัย ซึ่งมีอายุเกินกว่า 60 ปี ออกไปเช่าบ้าน เช่าที่พักอาศัยอยู่ อย่างเป็นปรากฏการณ์เช่นนี้ ก็มีหลายประการด้วยกัน อย่างในรายของ “นางคาร์เมน เพอร์รี” อดีตนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์ อายุ 67 ปี เปิดเผยว่า ตนเคยมีบ้านใหญ่โต ในฐานะที่เคยเป็นนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์มาก่อน แต่ปัจจุบันหลังจากที่หย่ากับสามีแล้ว ก็ขายบ้านหลังใหญ่โตนั้นไป แล้วหันไปเช่าบ้านอาศัยแทน ซึ่งบ้านเช่าที่เธออาศัยอยู่ มีขนาดเล็กกว่าบ้านของเธอมากนัก จึงทำให้ “ดูแลรักษาทำความสะอาดได้ง่ายกว่า” โดยเธอบอกว่า บ้านหลังใหญ่ดูแลไม่ไหว และเมื่อส่วนใดของบ้านแตกหักเสียหาย หรือชำรุดไป ก็แจ้งให้ทางเจ้าของได้ดำเนินการซ่อมแซมบำรุงแทน หรือไม่ก็โทรศัพท์เรียกให้บริษัทฯ เข้ามาดูแลจัดการ พนักงานดูแลผู้สูงอายุ ภายในอพาร์ตเมนต์ ขณะที่ อเมริกันผู้สูงอายุอื่นๆ บอกว่า การเช่าบ้าน หรือเช่าที่พักอาศัย แทนบ้านของตนเองหลังเก่า ทำให้ไม่รู้สึกผูกพัน ผูกติดใดๆ กับบ้านอีก คือ เมื่อต้องการ “ย้ายบ้าน” หรือ “ย้ายที่พัก” กันเมื่อใด ก็เพียงแต่ “แพ็กกระเป๋า” แล้วออกไปหาบ้านเช่า หรือที่อยู่หลังใหม่ได้เลย “สะดวกกว่า” การย้ายออกจากบ้านที่เป็นของตนเอง นอกจากนี้ ก็ยังมีเหตุผลอื่นๆ ที่ “นางฟลอเรนตินา ซารัก” หนึ่งในคณะผู้วิจัยของ “เรนท์คาเฟ” ได้รับคำตอบระหว่างดำเนินสำรวจ เปิดเผยว่า เพราะบรรดาอพาร์ตเมนท์ และผู้ให้เช่าบ้าน เช่าที่พักอาศัย จำนวนไม่น้อยในสหรัฐฯ ได้ปรับพื้นที่ของตนเอง ให้รองรับการทำกิจกรรมในกลุ่มผู้สูงวัย ที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้น เช่น พื้นที่เพื่อทำกิจกรรมสันทนาการ สังสรรค์ในหมู่ผู้สูงอายุด้วยกัน รวมถึงพื้นที่การออกำลังกายให้สะดวกขึ้น และถูกสุขลักษณะ ตลอดจนมีพนักงานดูแล แก่บรรดาผู้เช่าที่เป็นผู้สูงอายุ จนเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้อเมริกันชราจำนวนไม่น้อย หันมาเช่าบ้าน เช่าที่พักอาศัย แทนการอยู่บ้านตนเองมากมายเป็นประวัติการณ์ การสังสรรค์อย่างมีความสุขของเหล่าผู้สูงอายุ