คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ/ดร.วิวัฒน์ เศรษฐช่วย ยิ่งใกล้การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯเป็นที่ค่อนข้างชัดเจนว่าสงครามชิงอำนาจระหว่างขั้วของพรรครีพับลิกันและขั้วของพรรคเดโมแครตกำลังเพิ่มความเข้มข้นสูงทุกที         ขบวนการสืบสวนสอบสวนกรณีสงสัยรัสเซียเข้าไปมีส่วนพัวพันข้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเมื่อปี 2016 หรือไม่นั้นไม่เพียงจะเป็นจุดสนใจสูงของคนอเมริกันอย่างเดียวแต่ประชาชนทั่วโลกต่างให้ความสนใจและถือว่าเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งขบวนการยุติธรรมของสหรัฐอเมริกันอีกด้วย           หลังจาก "อัยการพิเศษโรเบิร์ต มุลเลอร์" ผู้ทำหน้าที่สอบสวนข้อสงสัยว่ารัสเซียเข้าไปแทรกแซงและเอื้ออำนวยให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้าสู่ทำเนียบขาวนั้น ขณะนี้ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว โดยคณะของอัยการมุลเลอร์ได้สอบปากคำพะยานร่วมห้าร้อยคน แถมยังใช้เวลายาวนานกว่า 22 เดือนและยังต้องเสียงบประมาณราวสี่สิบล้านเหรียญ โดยเมื่อวันศุกร์ก่อนนี้อัยการพิเศษมูลเลอร์ได้ส่งผลการสืบสวนไปยังกระทรวงยุติธรรม         และเมื่อวันอาทิตย์ที่เพิ่งผ่านมานี้ รัฐมนตรียุติธรรม วิลเลียม บาร์ ได้สรุปผลรายงานอย่างย่อๆที่มีความยาวสี่หน้ากระดาษโดยส่งไปยังประธานคณะกรรมาธิการต่างๆของสภาคองเกรส โดยเนื้อหาสาระชี้ว่า "ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และผู้ใกล้ชิดมิได้มีส่วนสมรู้ร่วมคิดใดๆ (Collusion) กับฝ่ายรัสเซียระหว่างการหาเสียง" เท่ากับว่ารัฐมนตรียุติธรรมบาร์จะไม่ตั้งข้อหาและไม่สั่งฟ้องประธานาธิบดีทรัมป์แต่อย่างใด และโปรดอย่าลืมว่าการที่วิลเลียม บาร์ ก้าวเข้าไปรับตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมได้นั้น ก็เพราะประธานาธิบดีทรัมป์เป็นผู้เสนอการแต่งตั้งสืบเนื่องมาจากมร.วิลเลียม บาร์เคยเป็นกระบอกเสียงแทนประธานาธิบดีทรัมป์เคยวิพากษ์วิจารณ์โจมตีการทำงานอัยการพิเศษมุลเลอร์มาก่อนและถือว่าเป็นการให้รางวัลไปในตัว และเมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้การรับรองวิลเลียม บาร์เป็นรัฐมนตรียุติธรรมด้วยคะแนน   54 ต่อ 45 โดยวุฒิสมาชิกของพรรคเดโมแครตสามคนได้ให้การสนับสนุนเห็นชอบส่วนวุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกันทั้งหมดต่างเห็นพ้องด้วย         ทั้งนี้วุฒิสมาชิกค่ายพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่ต่างคิดว่าวิลเลียม บาร์ ขวาจัดอยู่ในค่ายอนุรักษ์นิยม อีกทั้งเขายังเคยรับตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมสมัยประธานาธิบดีจอร์จ เอ็จ.ดับเบิ้ลยู.บุช มาแล้วอีกด้วย       อนึ่งกอนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามต่อต้านไม่อยากให้มีการเปิดเผยผลสรุปรายงานของมุลเลอร์ออกมาสู่สายตาสาธารณชนแต่เมื่อรัฐมนตรียุติธรรมระบุว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีความผิดและพ้นจากข้อกล่าวหา เมื่อคดีมีผลดังนั้นปรากฏว่าเขาออกมาตีปีกพั่บๆแสดงอาการดีอกดีใจขยับแข้งขาขึ้นมาเปิดเกมรุกในทันทีทันใด!!!         โดยทีมงานของประธานาธิบดีทรัมป์ต่างมั่นใจว่าการที่รัฐมนตรียุติธรรมบาร์จะไม่ฟ้องร้อง ถือเป็นชัยชนะอย่างใหญ่หลวงทั้งทางด้านการเมืองและด้านจิตวิทยา เพราะนับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์ก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาว เขาก็มัวแต่กังวลใจในเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา เพราะเกรงไปว่าหากเขาถูกตั้งข้อหาก็อาจจะถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เป็นไปได้           แต่อย่างไรก็ตามข้อสรุปทั้งสี่หน้าของเขา ขณะนี้ได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์แพร่กระจายไปในวงกว้าง!!!         แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะไม่ถูกข้อกล่าวหาว่า มีเอี่ยวเกี่ยวข้องกับรัสเซียก็ตาม แต่กลับปรากฎว่าสมุนรอบกายคนสำคัญๆของเขาถูกข้อหาไปแล้วถึงสามสิบเจ็ดคน โดยมีบางคนรับวิบากกรรมเข้าซังเตติดคุกไปแล้ว อาทิ         "ไมเคิล โคเฮน" ทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดีทรัมป์มากว่าสิบปีถูกศาลตัดสินในข้อหาหลายๆกระทง ดังเช่น กระทำความผิดปกปิดและซ่อนเร้นการจ่ายเงินปิดปากให้แก่สองสาวที่ไปกุ๊กกิ๊กมีเซ็กส์กับประธานาธิบดีทรัมป์โดยสองสาวนั่นก็คือ  สตอร์มี แดลเนียลส์ ดาราหนังประเภทหวาบหวิว และ แคเรน แม็คดูกัล นางแบบนิตยสารปลุกใจเสือป่าเพลย์บอย โดยการกระทำนี้ได้มีขึ้นก่อนวันเลือกตั้ง เพื่อไม่ต้องการให้ข่าวปูดออกมา เท่ากับเป็นผลดีต่อโดนัลด์ ทรัมป์         ท้ายที่สุดไมเคิล โคเฮน ถูกศาลสั่งจำคุกสามปี โดยเขาสารภาพออกมาว่า หลงเชื่อประธานาธิบดีทรัมป์ทุกสิ่งและได้ทำตามคำสั่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องการให้ทำทุกๆอย่าง!!!         "พอล มานาฟอร์ต" อดีตประธานการเลือกตั้งของประธานาธิบดีทรัมป์ถูกข้อหาร่วมมือกับรัสเซียและโกหกต่อเอฟบีไอถูกจำคุกเจ็ดปีครึ่ง         "ไมเคิล ฟลินน์" อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของประธานาธิบดีทรัมป์ก็ถูกข้อหากล่าวคำเท็จต่อเอฟบีไอ กรณีติดต่อกับเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ โดยเขาสารภาพรับผิดในทุกเรื่องทำให้มุลเลอร์เห็นว่าฟลินน์ไม่ควรติดคุก         "โรเจอร์ สโตน" สหายเก่าแก่พันธมิตรของประธานาธิบดีทรัมป์มานานหลายสิบปี ถูกข้อหาให้การเท็จต่อเอฟบีไอกรณีทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการปล่อยอีเมล์หลายหมื่นชิ้น ที่ถูกแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลออกมาจากสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครต         บุคคลสำคัญๆรอบๆกายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ต่างทะยอยเดินเข้าไปรับกรรมจะเป็นเพียงแพะที่รับบาปแทนประธานาธิบดีทรัมป์ไปตามๆกัน แต่ขณะนี้มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะนิรโทษกรรมให้แก่บุคคลเหล่านี้โดยมร.โรเบิร์ต เกียอะนีย์ทนายที่เป็นกระบอกเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์ กลับไม่เห็นด้วยโดยชี้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ควรทำ         และถึงแม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะได้รับข่าวดี แต่น่าจะเป็นเพียงชั่วคราว เพราะรายงานเบ็ดเสร็จของอัยการพิเศษมูลเลอร์ยังไม่มีการเปิดเผย และยังไม่มีใครมีโอกาสได้อ่านแต่อย่างใด และคงจะเป็นประเด็นที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาอีกต่อไปอย่างแน่นอน ล่าสุดเมื่อวันอังคารนี้ขั้วของพรรคเดโมแครตในสภาผู้แทนราษฎรได้ยื่นคำขาดต่อกระทรวงยุติธรรมให้ส่งรายงานของอัยการมุลเลอร์ทั้งหมดถึงสภาคองเกรสภายในวันอังคารหน้า         อย่างไรก็ตามจากข้อมูลของผู้สื่อข่าวปีเตอร์ เบคเกอร์ แห่งหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่เพิ่งผ่านมานี้ได้รายงานว่าทีมทำงานของอัยการมุลเลอร์ได้ยืนยันว่า รัสเซียพยายามเข้ามาดำเนินการต่างๆ เพื่อเอื้ออำนวยให้โดนัลด์ ทรัมป์ได้รับเลือกตั้ง         อนึ่งเป็นที่น่าสังเกตอีกเช่นกันว่า ครั้งนี้ถือว่าทีมกฎหมายของประธานาธิบดีทรัมป์ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการที่ออกมากันท่าพยายามที่จะไม่ให้อัยการมูลเลอร์สัมภาษณ์ประธานาธิบดีทรัมป์เป็นการส่วนตัว เพราะเกรงว่า ประธานาธิบดีทรัมป์อาจจะเผลอปากพูดเรื่อยเปื่อยจนหาเรื่องเข้าตัวก็เป็นไปได้!!!         อีกทั้งผลสรุปของมูลเลอร์ก็มิได้พาดพิงไปถึงสมาชิกในครอบครัวของประธานาธิบดีทรัมป์แต่อย่างใด นับว่าเป็นชัยชนะของประธานาธิบดีทรัมป์อีกขุมหนึ่งด้วย กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นจะเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่า ประเด็นการเข้าสู่ทำเนียบขาวแบบไม่โปร่งใสคงจะกลายเป็นประเด็นร้อนอยู่ต่อไป ที่ทำให้บรรดานักการเมืองค่ายพรรคเดโมแครตหยิบยกนำขึ้นมาใช้ในการสกัดกั้นคู่ต่อสู้ทางการเมือง และเพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ฐานการเมืองของตน ทำนองเดียวกันที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็คงจะนำประเด็นในหัวข้อที่ว่าเขาบริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นหนทางสร้างความพอใจให้กับฐานการเมืองของเขาด้วยเช่นกันเท่ากับว่าขณะนี้สงครามการเมืองของสองขั้วอำนาจในสหรัฐฯได้เป็นที่ชัดเจนแล้วละครับ