นายพิพัฒน์ วรสิทธิดำรง นายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อพรรคพลังท้องถิ่นไท ลำดับที่ 7 เปิดแถลงการณ์ขอบคุณผู้สนับสนุนพรรคพลังท้องถิ่นไท และขอยุติบทบาทผู้นำสำหรับการขับเคลื่อนงานที่เกี่ยวข้องกับการพิทักษ์ระบบคุณธรรมหรือการขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หลังผลเลือกตั้งสะท้อนว่าคนท้องถิ่นไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลง โดยแถลงการณ์มีใจความระบุว่า ตามที่กระผมได้รับความไว้วางใจจากคณะผู้บริหารพรรคพลังท้องถิ่นไท ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในแบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 7 ของพรรคพลังท้องถิ่นไท นั้น 52 วันที่ผ่านมาหลังจากผมได้ลาออกจากราชการและเดินทางพบปะคนท้องถิ่นทุกภูมิภาค จนกระทั่งถึงวันเลือกตั้งเมื่อวานนี้ 24 มีนาคม 2562 กระผมได้รับการต้อนรับจากคนท้องถิ่นที่ได้พูดคุยและพบปะกันอย่างอบอุ่น และได้กรุณาชักชวนญาติ พี่น้อง เพื่อน และคนรู้จักให้พิจารณาเลือกผู้สมัครของพรรคพลังท้องถิ่นไท จนได้รับผลคะแนนดังที่ปรากฏต่อสาธารณะ และผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการคาดว่าพรรคพลังท้องถิ่นไทจะได้รับจัดสรรที่นั่งแบบบัญชีรายชื่อจำนวน 2 ที่นั่ง กระผมขอกราบขอบพระคุณ คุณชัชวาลล์ คงอุดม หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท และคุณธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ เลขาธิการพรรคพลังท้องถิ่นไท ที่ให้โอกาสกระผมได้เข้าสู่เวทีการเมืองในครั้งนี้ แม้จะไม่ประสบผลสำเร็จแต่ก็ได้รับประสบการณ์อย่างมากมาย และกราบขอโทษท่านทั้งสองมา ณ ที่นี้ด้วย ที่กระผมไม่สามารถนำพานโยบายของพรรคให้คนท้องถิ่นตัดสินใจอนาคตของท้องถิ่นได้ กระผมขอกราบขอบพระคุณ คุณแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กัลยาณมิตรทุกท่านที่ให้การสนับสนุนกระผมและเสียสละลงคะแนนให้พรรคพลังท้องถิ่นไทในครั้งนี้ กระผมจะไม่มีวันลืมทุกท่านที่แสดงน้ำใจให้กระผมในวันนี้ อย่างไรก็ตาม สองวันก่อนวันเลือกตั้งกระผมได้ประกาศผ่านเฟสบุ๊คไลฟ์ว่า จะขอวางมือจากการทำงานด้านการพิทักษ์ระบบคุณธรรมและการนำพาคนท้องถิ่นขับเคลื่อนต่อสู้กับความอยุติธรรมดังที่กระผมเคยปฏิบัติมา หากพรรคพลังท้องถิ่นไทได้รับเลือกตั้งต่ำกว่า 5 ที่นั่ง บัดนี้ ความปรากฏต่อพวกเราแล้วว่า คนท้องถิ่นส่วนใหญ่ได้แสดงให้กระผมและพวกเราเห็นชัดแจ้งแล้วผ่านผลของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมาว่า คนท้องถิ่นส่วนใหญ่ยังมีความเห็นว่า “การอยู่แบบปัจจุบันภายใต้การตรวจสอบอย่างเข้มข้นของ ป.ป.ช. และสตง. พร้อมกับการกำกับควบคุมอย่างเข้มงวดของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและกระทรวงมหาดไทย” นั้นเหมาะสมแล้ว กระผมจึงต้องเคารพในการตัดสินใจของคนท้องถิ่นส่วนใหญ่ ฉะนั้น กระผมจึงขอยุติบทบาทผู้นำสำหรับการขับเคลื่อนงานที่เกี่ยวข้องกับการพิทักษ์ระบบคุณธรรม หรือการขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจากที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ยกเว้นบทบาทของนายกสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทยที่ยังต้องดูแลสมาชิกของสมาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสมาคมเท่านั้น. จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน