ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผวจ.กาฬสินธุ์ เผยมีความพร้อมเลือกตั้ง ส.ส. กำชับข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน ใช้วิจารณญานในการเลือกผู้สมัคร โดยปราศจากอามิสสินจ้าง ขณะที่ พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 23 สถานี ดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงเลือกตั้ง และเตรียมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วลงพื้นที่สืบหาข่าว ยืนยันตำรวจต้องวางตัวเป็นกลาง หากมีแนวโน้มสถานการณ์เลือกตั้งรุนแรง พร้อมจัดกำลังควบคุมป้องกันเหตุร้าย นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนรษฏร (ส.ส.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ เรื่องความพร้อมไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากบุคลากรของกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะฝ่ายปกครอง มีประสบการณ์ในการเลือกตั้งมาหลายครั้งต่อหลายครั้ง ไม่เคยบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ การเลือกตั้งทั่วไป หลักๆก็ยังยึดแนวทางปฏิบัติเดิม ส่วนที่เพิ่มเติมหรือแก้ไขก็เพียงข้อปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆ ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่เสมือนเป็นเจ้าภาพหลัก ก็มีการเตรียมการและวางแนวทางการทำงานไว้พร้อมสรรพ ส่วนที่ทางจังหวัดจะเข้าไปสนับสนุน คือมีส่วนร่วมกำกับดูแล ให้การเลือกตั้งดำเนินไปด้วยความสำเร็จลุล่วง เรียบร้อย บริสุทธิ์ ยุติธรรม นายไกรสรกล่าวอีกว่า ส่วนที่จะเข้าไปเติมเต็มอีกประเด็นคือ การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ออกไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงตามกฎหมาย สมัยนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน ชาวบ้านเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากโซเชียลต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ซึ่งต่างกับสมัยก่อนที่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง จะมีหัวคะแนนของผู้สมัครมาแนะนำ ชาวบ้านต้องอาศัยข้อมูลของผู้สมัครจากหัวคะแนน มาถึงสมัยนี้ตอนนี้หัวคะแนนไม่จำเป็นมากเหมือนสมัยก่อนแล้ว ผู้สมัครเป็นใคร พรรคไหน ชาวบ้านรู้กันได้จากสื่อโซเชียลดังกล่าว “ในส่วนของข้าราชการเอง ได้กำชับให้วางตัวเป็นกลาง เพราะเรื่องการทำตัวเป็นกลางของข้าราชการเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่อยากให้ใครครหาว่าข้าราชการไม่เป็นกลาง ไปหนุนข้างนี้ หรือไปเสริมข้างนั้น ทั้งนี้ ทางกระทรวงมหาดไทย ก็ได้สั่งการในเรื่องการวางตัวให้เป็นกลาง ทำอย่างไรให้ประชาชนมีส่วนร่วม รับทราบข้อมูลข่าวสารการเลือกตั้ง นอกจากนี้ยังมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ในกระบวนการเลือกตั้งด้วย” ทั้งนี้ ก่อนตัดสินใจเลือกใคร ต้องใช้วิจารณญาณให้มาก เพราะต่อไปนี้ เราจะมอบหมายให้ใครเข้ามาบริหารประเทศ มาใช้อำนาจบริหารทรัพยากร ต้องตัดสินใจให้ดี เลือกผู้สมัครโดยปราศจากอามิสสินจ้างใดๆ จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนชาวกาฬสินธุ์ มีส่วนร่วมในการเลือกตั้งให้มากๆ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นจังหวะเปลี่ยนประเทศที่สำคัญอีกครั้งหนึ่ง ในการคืนอำนาจให้ประชาชน ได้โปรดใช้วิจารณญาณใช้สิทธิเลือกตั้ง เลือกคนดี คนที่พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่า จะเข้ามาทำงานแก้ปัญหาปากท้องให้กับพี่น้องประชาชน และแก้ปัญหาของประเทศได้ คือเรื่องที่จะฝากในการเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะที่ พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือ ส.ส.ที่จะมีขึ้น กองบังคับการตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ มีความพร้อมในการเข้าไปมีส่วนร่วม 100 % และพร้อมให้ความร่วมมือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 100 % เช่นกัน ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สถานีตำรวจทุกแห่งทั้ง 23 สถานี จัดกำลังพลเตรียมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามหน่วยเลือกตั้ง รวมทั้งการจัดชุดเคลื่อนที่เร็วทุกอำเภอทั้ง 18 อำเภอ เพื่อเผชิญเหตุและลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว โดยเฉพาะการเฝ้าระวังบุคคลแปลกหน้า กลุ่มอิทธิพลมือปืนต่างๆ พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ถึงแม้จะไม่พบข้อมูลว่ามีกลุ่มอิทธิพลมือปืนเข้ามาแทรกแซง หรือมีการต่อสู้ทางการเมืองที่ดุเดือดรุนแรงมากนัก แต่จากการที่ตำรวจเราทำงานในเชิงรุก มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายติดตาหาข่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการสร้างต้นทุนในการทำงานให้มีความมั่นคง ชัดเจน เท่ากับมีการเตรียมความพร้อมตลอดเวลา จึงไม่เป็นห่วงเรื่องปัญหากลุ่มผู้มีอิทธิพล หรือการเกิดปัญหาอาชญากรรมอื่นๆ ทั้งในช่วงหาเสียง หรือก่อนและหลังเลือกตั้ง เพราะได้มีการสืบสวนหาข่าว และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่ก็ไม่ประมาท จึงยืนยันความพร้อมในการจัดกำลังดูแลและรักษาความปลอดภัย และเข้าไปมีส่วนร่วมกับทาง กกต. ที่ประสานเข้ามา ตำรวจพร้อมให้การสนับสนุนภารกิจ และกระบวนการจัดการเลือกตั้งได้ทุกเรื่อง ทั้งนี้ ต้องอยู่ในกรอบของอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด “อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือข้าราชการ จะต้องวางตัวให้เป็นกลางทางการเมืองให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ จะเข้าไปสนิทสนมใกล้ชิดกับผู้สมัครรายหนึ่งรายใดไม่ได้ ทั้งนี้ ได้กำชับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกนาย ต้องเน้นจุดยืนแสดงความเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แต่ถ้าหากมีเหตุผลหรือมีแนวโน้มจะเกิดความรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องป้องกัน เพราะถือหลักป้องกันดีกว่าแก้ไข” พล.ต.ต.ทินณะรัตน์กล่าวในที่สุด