“สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” เปิดบ้านแถลงข่าว “ร้อง” ผู้สนับสนุนถูกเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.คุกคามข่มขู่ช่วงหาเสียงโค้งสุดท้าย ย้ำ กกต.และผู้ว่าฯ ต้องสอบข้อเท็จจริง เมื่อเวลา 13.00น.วันที่ 22 มีนาคม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผู้สมัคร สส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์10 เปิดบ้านพักอำเภอห้วยยอด จ.ตรัง แถลงข่าวกรณีผู้สนับสนุนผู้สมัคร สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ถูกข่มขู่คุกคาม จากเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ตรัง โดยกล่าวหาว่ามีการทุจริตการเลือกตั้งด้วยการซื้อสียงให้กับผู้สมัคร สส.ตรังพรรคประชาธิปัตย์ในนามผู้สมัคร สส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 เขตประกอบด้วยนายแพทย์สุกิจ อัถโถปกรณ์ ผู้สมัครสส.เขต 1,น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ เขต 3 ตรัง และตนผู้สมัคร สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ เขต3 ถูกวิชามารเล่นงานในในช่วงโค้งสุดท้าย โดยช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาดำเนินการในลักษณะที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นการข่มขู่คุกคาม สิทธิเสรีภาพทางการเมืองของผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์จำนวนหลายรายด้วยกัน นายสาทิตย์ กล่าวว่า ซึ่งในเขตเลือกตั้งที่ 3 เกิดขึ้นใน 2 กรณี 1.มีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่กร.อมน.ตรัง ได้โทรศัพท์ไปหานายกอบต.เกาะเปียะ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ กอ.รนม.ตรัง.ต้องการที่จะให้ไปพบแล้วบอกว่าห้ามหนีถ้าหนีแสดงว่าคุณทำผิด ซึ่งนายกอบต.เกาะเปียะถามกลับไปว่าทำผิดอะไร เจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ตรัง บอกว่าไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์คุณจะซื้อเสียง นายกอบต.เกาะเปียะก็แจ้งว่าประชาธิปัตย์ไม่มีแนวทางในการซื้อเสียงอยู่แล้ว แต่เจ้าห้าที่คนเดิมยังพยายามนัดออกไปพบข้างนอกแต่นายกอบต.เกาะเปียะก็นัดมาที่อบต. ปรากฏว่ามีคนมาจริงแต่งชุดเครื่องแบบทหารมาแต่เมื่อมาถึงก็พูดจาดีแต่ในทำนองว่า นายสั่งให้มาลองเช็คเสียงดู แต่ว่าพฤติกรรมที่มามีลักษณะของการที่แม้ว่าจะพูดดีแต่ก็เหมือนกับการคุกคาม เรื่องของสิทธิเสรีภาพทางการเมือง ทำให้ท่านนายกอบต.เกาะเปียะเกิดความไม่สบายใจและวิตกกังวลว่า การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์โดยที่ไม่ได้ใช้อำนาจของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องที่อ้างตัวเป็นกอรมน.นั้นมาคุกคาม “2.)อดีตนายกเทศบาลทุ่งยาวมีทหารไปพบถึงบ้านแล้วก็พูดจาทำนองเดียวกัน ส่วนในเขตเลือกตั้งที่ 2 ของตรัง และในเขต 2 มี4 กรณี ตนถือว่ารุนแรงที่สุดก็คือมีผู้ที่โทรศัพท์ไปหา นายวิรัตน์ บัวแก้ว นายก อบต.บางกุ้ง แล้วพูดจาในลักษณะข่มขู่เช่นกัน คือ มีการสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ในการซื้อเสียงใช่ไหม นายวิรัตน์ บอกไม่ได้ซื้อแบะถามกลับไปว่าคุณเป็นใคร คุณชื่ออะไร เขาบอกว่าเขาไม่บอกชื่อ เขาอยู่กอ.รมน.ตรัง โดยใช้โทรศัพท์ หมายเลข 0863052664 และ 0873877375 ต่อมานายวิรัตน์รู้สึกไม่ปลอดภัย จึงขึ้นไปที่ตำรวจภูธร อ.ห้วยยอด นอกจากนั้นในเขตเลือกตั้งที่ 2 มีการโทรไปหานายกอบต.กับ นายกเทศมนตรีอีกสองคน คือ 1. นายกอบต.หนองปรือ อ.รัษฎา และนายกเทศมนตรี ต.ห้วยนาง และพูดจาแบบเดียวกัน อีกคนหนึ่งคือมานิตย์ ช่วยธานี ซึ่งส.อบจ.ตรัง ที่ช่วยพรรคประชาธิปัตย์หาเสียงเป็นสจ.ในทีมนายกิจ หลีกภัย นายกอบจ.ตรัง ทั้ง 4 คนนี้ได้รับโทรศัพท์ลักษณะเดียวกันหมดเลย แล้วก็พูดจาทำนองเดียวกันหมด”นายสาทิตย์ กล่าว “ผมแถลงข่าวเรื่องนี้เป็นกรณีที่มีการใช้อำนาจรัฐใช้เจ้าหน้าที่ของรัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กอ.รมน.แล้วหลายที่ที่ไปก็อ้างว่าเป็นนายส่งมา แต่ไปในลักษณะของการคุกคามและเกิดเฉพาะผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์นี้เท่านั้น มันอดคิดไม่ได้ว่าโค้งสุดท้ายนี้ที่ จ.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์แข่งกับพรรคพลังประชารัฐทุกเขตทั้ง 3 เขต ทำไมถึงไม่เกิดกับพรรคพลังประชารัฐ ผมทราบว่าในเขตเลือกตั้งที่ 2 ยังเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองอื่นด้วยที่ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐ” นายสาทิตย์ กล่าว นายสามิตย์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้น อยากทราบว่า การใช้อำนารัฐเช่นที่ว่านี้ กกต.รับรู้หรือไม่ ถ้ารับรู้อันนี้ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่, ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังในฐานะเป็นผอ.กอ.รมน.จังหวัดตรัง ทราบเรื่องหรือไม่ ถ้าทราบมีการระงับยับยั้งหรือไม่ และต้องตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ไปทั้งหมดหรือโทรไปนั้นเป็นเจ้าหน้าที่กอ.รมน.จริงหรือไม่ แล้วไฉนจึงไม่มีการแจ้งชื่อยศ ตำแหน่ง และวิธีการในการพูดต้องไม่ใช่เป็นในลักษณะแบบนี้ จากนี้ตนเองให้รวบรวมประเด็นข้อเท็จจริงทุกกรณีแล้วก็คงทำเป็นหนังสือขึ้นเพื่อที่จะร้องไปสองทาง 1. ร้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดตรังในฐานะผอ.รมน.ตรัง และ2. ร้องไปยังกกต. เพราะว่าเรื่องนี้เราถือว่าถ้าเป็นกรณีที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่และไม่ได้มีหน้าที่โดยตรงไปดำเนินการเช่นที่ว่านั้น มันเป็นการทำผิดการเลือกตั้งด้วย “ผมคิดว่าการแถลงข่าวออกไปนั้นสื่อมวลชนช่วยกันส่งเรื่องนี้ออกไป เพราะว่ามันมีกรณีเกิดขึ้นทั่วประเทศและคนที่โดนค้นเป็นพรรคที่ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ โดนเยอะ พรรคเพื่อไทยก็โดน เพราะฉะนั้นการแถลงข่าวออกไปเช่นนี้อย่างน้อยมันเป็นการกระตุ้นกกต.ให้ต้องออกมาปรามด้วยกับสองอำนาจรัฐที่มีอยู่ในขณะนี้จะต้องรักษาบรรทัดฐานกฎหมายของบ้านเมืองด้วยไม่ใช่จะเอาชนะแล้วทำได้ทุกอย่าง” นายสาทิตย์ กล่าว