เจาะเฟรม/การะเกด อย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับก็คือ ความสุขในชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน      และความไม่เหมือนนี้แหละ ที่ทำให้เราต้องยอมรับในบรรทัดฐานแห่งความสุขของคนอื่นที่เห็นต่างไปจากเรา      สรุปง่ายๆก็คือ ความสุขนั้นมันไม่มีบรรทัดฐานของสิ่งที่เรียกว่ามาตรฐาน เพราะมันเป็นเรื่องของปัจเจก     เหมือนที่เราดูหนังนั่นแหละ เรื่องที่เราชอบ แต่แฟนไม่ชอบ เราก็ต้องไปดูคนเดียว ในขณะที่เรื่องที่แฟนชอบ ถึงเราไม่ชอบเราก็ต้องไปดูกับแฟน      ที่ยกตัวอย่างมาอย่างนี้ก็เพราะได้ดูหนังเรื่อง CITY HUNTER  สายลับคาสโนเวอร์ แล้วเกิดความรู้สึกแปลก แปลกในที่นี้ก็คือ ตอนดูรู้สึกเฉยๆ ออกจะเบื่อเสียด้วยซ้ำ แต่พอออกจากโรงมาสักพัก กลับรู้สึกสนุก     มานึกดูก็น่าจะเกิดจากความที่เราคาดหวังกับหนังอย่างผิดที่ผิดทาง     ที่ว่าผิดก็คือ เราลืมนึกไปว่า นี่มันหนังที่มีคนแสดง ไม่ใช่การ์ตูนอย่างที่เราเคยสนุกในวันก่อน ไม่ว่าจะเป็นตอนที่พิมพ์เป็นเล่ม หรือตอนที่ออกฉายเป็นซีรีย์ที่น้าต๋อยพากษ์ ซึ่งต้องบอกว่าชอบเอามากๆ     ที่ชอบก็เพราะมันมีเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นจากตัวละคร หรือบท ที่ต้องบอกว่ามันเป็นการ์ตูนสำหรับผู้ใหญ่ ไม่ใช่เด็ก เพราะมันทะลึง ติดสัปดลอยู่สักหน่อย แต่ไม่ถึงขั้นลามก     เรียกว่า ดูแล้วเพลินแบบที่ อาจารย์ประยูร จรรยาวงษ์ บอกว่า สัปดลวันละนิดจิตแจ่มใส      CITY HUNTER  เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นที่ต้องเรียกว่าเก่าแก่เรื่องหนึ่ง ที่ว่าด้วยเรื่องของชายที่ทำหน้าที่รับจ้างเป็นบอดี้การ์ดนอกกฎหมาย ชีวิตเขาไม่รู้ที่มาที่ไปของตัวเอง ประมาณว่ากำพร้ามาแต่เด็ก ถูกเลี้ยงโดยนักรบรับจ้าง จึงมีฝีไม้ลายมือในการต่อสู้ แต่นิสัยส่วนตัวออกจะทะลึ่ง คือชอบสาวๆแบบคนหนุ่มทั่วไป เพียงแต่ลีลาจีบสาวของเขาไม่ค่อยจะเข้าท่า      เรียกว่า ตั้งแต่ดูมา เขาไม่เคยจีบสาวคนไหนสำเร็จสักราย แต่กระนั้น ก็มักจะมีสาวๆมาติดต่อให้เขาคอยเป็นบอร์ดี้การ์ดเสมอๆ     หลายสิบปีที่การ์ตูนเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ ก็เป็นที่นิยมของคนทั่วไป ไม่ใช่เฉพาะแต่ในญี่ปุ่นที่เป็นบ้านเกิดเท่านั้น แต่แพร่กระจายไปทั่ว เรียกว่าเป็นการ์ตูนในฝันของเด็กหนุ่มเลยทีเดียว     คือฝันว่าอยากจะเป็นอย่างตัวเอกในเรื่องนี่แหละ คือถึงจะจีบสาวไม่สำเร็จ แต่ก็มีสาวมาให้จีบกันทุกตอน      จากการ์ตูนก็มาถึงการที่ถูกเอามาสร้างเป็นหนังที่ตัวละครเป็นคนจริงๆ ซึ่งที่เห็นตอนนี้ก็มีของเกาหลีที่หาดูได้ตามเว็บ กับที่ฉายในโรงวันนี้ ซึ่งออกจะต่างกัน เพราะฉบับของเกาหลีดูมันเป็นจริงเป็นจังเป็นหนังบู๊แบบจารีต      คือดูได้ แต่ไม่สนุกเท่า เพราะมันขาดสีสันของตัวเอกที่เป็นคนทะลึง สัปดล แต่มันก็เป็นอีกรสชาดหนึ่ง ถือเป็นการต่อยอด     ส่วนที่ฉายกันในโรงวันนี้เป็นฉบับที่สร้างจากฝรังเศส ที่ต้องเรียกว่า เคารพต้นฉบับกันอย่างที่สุด      ต้นฉบับทะลึงอย่างไร หนังก็ทำออกมาได้อย่างนั้น และบางอย่างออกจะเกินเลยไปเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม  กับความรู้สึกที่ว่า ทำไมตอนดูถึงไม่สนุก คงเป็นเพราะมุขตลกแบบฝรั่งเศสนั้น เราไม่คุ้น มันเลยต้องใช้เวลา พอเข้าใจ คุ้นเคยก็ลื่นไหล ได้หัวเราะอยู่ในใจ แถมกระชุ่มกระชวยอีกต่างหาก     การเอาการ์ตูนมาทำเป็นหนังที่มีคนแสดงจริงนั้น ถือเป็นปรากฏการณ์ปกติอย่างที่เราคุ้นเคยกับหนังฮีโร่ทั้งหลาย แต่วิธีการอย่างนั้นออกจะยากกับการนำมาใช้กับเรื่องนี้ เพราะตัวละครต้องทะลึง แต่ไม่ลามก     ฟิลิปเป ลาโซ มารับบทเป็น ซาเอบะ เรียว หรือที่มีชื่อฝรั่งว่า นิกกี้ ดูจะเป็นตัวเลือกที่ดี คือบทบู๊เขาถึง น่าเชื่อถือ บททะเล้นทะลึงก็ทำหน้าหื่นได้สมจริง ในขณะที่ตัวละครอื่นๆลื่นไหลไปกันได้ดี อย่าง ทาเร็ก บูดาลี ที่โดนพิษน้ำหอมจนตามนางเอกไปทุกที่ ซึ่งมาฮาเอาสุดๆก็ตอนจบเรื่องนี้แหละ     CITY HUNTER  ฉบับนี้จึงเป็นหนังที่สอนตัวเองในหลายอย่าง โดยเฉพาะการให้ยอมรับในความไม่คุ้นเคยในรูปแบบของวิธีการนำเสนอ เพราะทุกอย่างต้องการเวลาสำหรับความคุ้นเคยเสมอ โดยเฉพาะเมื่อดูหนังที่คนแสดง แล้วกลับมาเปิดดูฉบับการ์ตูนซ้ำอีกครั้ง     นี่คือความรื่นรมย์เล็กๆของชีวิตอย่างแท้จริง ภาพจาก www.siamzone.com