เกษตรฯ ปูพรหมแก้แล้งแจกค่าครองชีพเกษตรกร 3.3 แสนรายๆ ละไม่เกิน15ไร่ 9 พันบาทโอนถึงมือก่อนสงกรานต์ แจงผู้มีสิทธิรับเงิน ไร่ละ 600 บาท ปลูกพืชหลังนา 4.87 ล้านไร่หยุดทำนาปรัง เมื่อวันที่ 21 มี.ค.62 นายสำราญ สาราบรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า นายกฤษฏา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งการให้มีการเร่งจ่ายเงินค่าครองชีพไร่ละ 600 บาท พร้อมกำชับให้ดูแลและติดตามเกษตรกรอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการคาดการณ์สถานการณ์ผลกระทบจากภัยแล้ง อาจยาวนานต่อเนื่อง ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 ที่ประชุมได้มีมติให้มีการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกพืชหลังนา โดยจะช่วยเหลือให้เป็นปัจจัยการผลิตกับเกษตรกร ในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา 13 ทุ่ง และพื้นที่งดทำนาปรัง มาปลูกพืชผัก พืชไร่ ใช้น้ำน้อยช่วง ฤดูแล้งนี้ โดยเกษตรกรต้องไม่เคยเข้าร่วมโครงการที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลทุกโครงการในฤดูกาลที่ผ่านมา โดยจะจ่ายให้กับเกษตรกร ครัวเรือนละ 1 สิทธิ์ ที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร ตามพื้นที่ปลูกจริงในอัตราไร่ละ 600 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ เป็นเงินประมาณ 9,000 บาท ในพื้นที่เป้าหมาย 4.87 ล้านไร่ เกษตรกร 330,000 ครัวเรือน ภายใต้กรอบวงเงิน 2,932 ล้านบาท เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ และเป็นการลดภาระค่าครองชีพควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรสามารถรักษาศักยภาพการผลิต ส่งผลให้คุณภาพชีวิตมีความมั่นคงเข้มแข็งในการประกอบอาชีพ จากการคาดการณ์ของกรมอุตนิยมวิทยาที่แจ้งไว้ว่า ฤดูฝนมาช้า และอาจยาวนานถึงปลายเดือน พ.ค. ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของเกษตรกร ในช่วงฤดูแล้ง ที่ผ่านมารัฐบาลมีนโยบายการลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรัง และส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย และลดความเสี่ยงในการเพาะปลูกที่ปริมาณน้ำมีไม่เพียงพอซึ่งการปลูกพืชหลังนา เกษตรกรจะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น เช่น ค่าสูบน้ำ ค่าจัดการศัตรูพืชที่สูงกว่าฤดูกาลปกติ ทำให้จะมีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ สำหรับโครงการฯ เกษตรกรต้องสมัครเข้าร่วมโดยมีเงื่อนไขสำคัญ 3 ข้อ ดังนี้ 1.เป็นเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 ในพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 61-31 มี.ค 62 และขึ้นทะเบียนเกษตรกรภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 2.เป็นเกษตรกรที่ทำการเพาะปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 ยกเว้นภาคใต้ และพื้นที่ลุ่มต่ำ 13 ทุ่ง ตั้งแต่ วันที่ 1 พ.ย. 61-30 เม.ย 62 และขึ้นทะเบียนเกษตรกรภายในวันที่ 30 มิถุนายน 2562 3.เป็นเกษตรกรที่เพาะปลูกพืชหลังนา ปี 2561/62 ในพื้นที่ภาคใต้ตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2562-15 มิ.ย. 2562 และขึ้นทะเบียนเกษตรกรภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2562 นอกจากนี้ ต้องเป็นเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559-2561) ปีใดปีหนึ่ง และเป็นพื้นที่เฉพาะที่นา ตั้งแต่ 1 งานขึ้นไปแต่ไม่เกิน 15 ไร่ โดยช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกพืชอื่นๆ ในนา เช่น พืชไร่ พืชผัก พืชใช้น้ำน้อย พืชอาหารสัตว์ พืชปรับปรุงบำรุงดิน ฯลฯ ยกเว้น อ้อยและสับปะรด กรณีเกษตรกรปลูกพืชหลังนามากกว่า 1 ชนิด สามารถเลือกชนิดพืชในการขอรับการช่วยเหลือแต่พื้นที่รวมกันได้ แต่ต้องไม่เกิน 15 ไร่ ต่อครัวเรือน และหากเกษตรกรปลูกพืชอายุสั้นที่มีการเพาะปลูกหลายรอบการผลิตในพื้นที่เดียวกัน เช่น พืชผัก สามารถเข้าร่วมโครงการขอรับการช่วยเหลือได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น โดยเกษตรกรต้องแจ้งข้อมูลที่เป็นจริง เพราะจะมีคณะทํางานตรวจสอบสิทธิ์ระดับตําบล เป็นผู้ตรวจสอบสิทธิ์ และเกษตรกรสามารถแจ้งขอรับสิทธิ์ได้ที่ สำนักงานเกษตรอำเภอที่ตั้งแปลงปลูกตามเวลาที่กำหนด “สำหรับ เงินช่วยเหลือชาวสวนปาล์ม ไร่ละ 1,500 อีกประมาณ 90,000 ครัวเรือน ที่กำลังรออยู่ในขณะนี้ ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินให้กับเกษตรกรได้ตั้งแต่ประมาณสัปดาห์หน้า หรือ ก่อนสงกรานต์ แน่นอน”อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว