“อภิสิทธิ์”รับไม่หนุน “บิ๊กตู่” ไม่ใช่มติพรรค ชี้เป็นอุดมการณ์พรรค มั่นใจไม่มีไร้งูเห่า โวแก้ปัญหาศก.เร็วกว่า “เพื่อไทย” ดักคอส.ว.โหวตเลือกนายกฯฟังเสียงปชช.หวั่นสร้างปมขัดแย้งใหม่ วันที่ 20 มี.ค.ที่สถานีโทรทัศน์อัมรินทร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายถาวร เสนเนียม ผู้สมัครส.ส. จังหวัดสงขลา โพสต์ข้อความไม่ใช่มติพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ว่า ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้อุดมการณ์พรรค สิ่งที่นายถาวรพูดก็ถูกว่าไม่ใช่มติพรรค และตนก็บอกแล้วว่ามติพรรคต้องมาทีหลัง เพราะต้องประชุมร่วมกันระหว่างส.ส.กับกรรมการบริหารพรรค และไม่เชื่อว่าพรรคไหนกล้ามีมติขัดกับอุดมการณ์ของตัวเอง วันนี้อย่ากังวลเรื่องตัวเลขส.ส. แต่ถ้าอยากเดินไปข้างหน้าต้องทำ 2 อย่าง คือฟื้นเศรษฐกิจ และการเมืองต้องเดินหน้า ซึ่งความขัดแย้งจะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งหากมีการทุจริตและการสืบทอดอำนาจ เมื่อถามถึงความเป็นเอกภาพในพรรค นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ที่ผ่านมาเดินหน้าหาเสียงทุกคน และไม่มีความกังวลว่าจะมีงูเห่าในพรรค หากเสียงไม่พอจัดตั้งรัฐบาลอย่ากังวล เพราะเหลืออีกไม่กี่วันจะเลือกตั้งขอให้มุ่งสู่แก้ปัญหาของประเทศจะดีกว่า เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ต้องไปสนใจว่าใครอยากอยู่ต่อ ใครอยากกลับบ้าน แต่ต้องเลือกให้ประเทศเดินหน้าดีขึ้น นี่คือสิ่งที่พรรคต้องการ เมื่อถามถึงการผลักดันพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯโดยใช้เสียงส.ว.หนุน แล้วค่อยตั้งรัฐบาลภายหลัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอย้ำว่าใครทำอะไรที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่เคารพเสียงของประชาชนกำลังสร้างปมความขัดแย้งใหม่อย่างรุนแรง ขอร้องว่าอย่าทำ หากทำเพื่อประโยชน์ของประเทศขอให้เดินหน้าด้วยกันดีกว่า ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญกำหนดให้ส.ว.เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย จึงขอให้เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย อย่าเป็นตัวแทนของคนที่ตั้งมาเลย เมื่อถามถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสาตร์เลือกตั้ง ประกาศจะแก้ไขเศรษฐกิจภายใน 6 เดือน สำหรับพรรคประชาธิปัตย์มีกรอบระยะเวลาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคทำมามีกลไกที่เข้าใจและสามารถทำได้ทันที ไม่ต้องสแกนหรือเอ็กซเรย์อีก เพราะประชาธิปัตย์แก้ปัญหาได้เร็วกว่า 6 เดือนอยู่แล้ว เมื่อถามถึงการซื้อเสียงหัวละ 1000 บาท นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคจะไม่ยื่นพร่ำเพรื่อ ถ้าจะยื่นต้องมีหลักฐานชัดเจน แต่เบาะแสการซื้อเสียง การใช้อำนาจต่างๆ มีมาตลอด ปัญหาใหญ่คือใครจะกล้ามาเป็นพยานหรือไม่ จึงอยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ปรามพฤติกรรมเหล่านี้