ผบช.น.เปิดตัว 4 โครงการ แอพพลิเคชั่น Police i lert U – รีเซ็ตใบสั่งเปรียบเทียบปรับข้อหาตามอัตราขั้นต่ำสุด 100 บาท เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์รองผบช.น.ดูแลงานป้องกันปราบราม พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รรท.รองผบช.น.ดูแลงานจราจร พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รรท.ผบก.จร. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแถลงข่าวเปิดตัว 4 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการตรวจสภาพรถก่อนเดินทาง 14 จุด บริเวณโดยรอบกรุงเทพมหานครเพื่อเป็นจุดบริการประชาชนตรวจสอบเพื่อทำการซ่อมบำรุงรถก่อนเดินทางออกไปต่างจังหวัด 2.โครงการ ทำดีมีข้าวให้ แจกให้กับผู้ขับขี่ที่ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจรเช่นสวมหมวก คาดเข็มขัดนิรภัย ไม่ใช่โทรศัพท์ขณะขับขี่ เมาไม่ขับ เป็นต้น เป็นข้าวที่ซื้อจากชาวนาโดยตรงเพื่อสนับสนุนโครงการ ตำรวจนครบาลช่วยขายเพิ่มรายได้ชาวนาไทย ทั้งนี้ในเบื้องต้นได้จัดหาข้าวให้88 สน.ละ100 กิโลกรัม เพื่อแจกจ่าย3.โครงการปีใหม่ รีเซทใบสั่ง เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ถูกออกใบสั่งและยึดใบขับขี่มาเสียค่าปรับในอัตราต่ำสุดที่กฎหมายกำหนดไว้แต่ไม่น้อยกว่า100บาท 4.โครงการ Police i lert U เป็นการนำเทคโนโลยี มาปรับใช้สนับสนุนงานจราจร เช่นเกิดอุบัติเหตุ รถชน รถเสีย การจราจรติดขัด ฯลฯ สามารถแจ้งเหตุ ระบุตำแหน่งที่เกิดเหตุ เพื่อความสะดวกและให้บริการประชาชนได้รวดเร็วทันเหตุการณ์ พล.ต.ท.ศานิตย์ เปิดเผยว่า เกี่ยวกับโครงการแจ้งเหตุผ่านแอพพลิเคชั่นโพลิสไอเลิร์ทยู (Police i lert U) นั้น ปกติปัญหาที่เกิดขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรมหรือปัญหาด้านการจราจร ช่องทางที่พี่น้องประชาชนติดต่อมาทางเจ้าหน้าที่ ทั้งโทรศัพท์หรือเดินทางมาแจ้งด้วยตัวเอง แต่ยังไม่สามารถอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน บางคนใกล้ตายหรือเกิดอุบัติเหตุจะตกใจ แต่ตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง เห็นว่า การแจ้งเหตุผ่านช่องทางแอพพลิเคชั่นดังกล่าวมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เหตุเกิดตรงนั้นจะทราบทันทีโดยเห็นโลเคชั่นอยู่บริเวณใด ตำรวจทุกคนในพื้นที่เกิดเหตุจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอพพลิเคชั่นดังกล่าว จะโทรไปถามผู้ที่ใช้โดยจะต้องมีการลงทะเบียนไว้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นทันที ในทุกพื้นที่ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที อยู่ที่ว่าการจราจรติดขัดหรือไม่ นอกจากนี้ในพื้นที่ต่างจังหวัดทางบก.จร.จะประสานไปยังพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง ส่วนตัวห่วงในเรื่องชีวิตทรัพย์สิน ความสะดวกในเรื่องการจราจร จะเป็นประโยชน์ที่กล่าวโดยหลัก หากมีคนกดเล่นถือว่ามีความผิดข้อหาแจ้งความเท็จมีโทษทั้งจำทั้งปรับ พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนเดินทางเตรียมอุปกรณ์ดูแลรถและขับรถปลอดภัย ไม่จำเป็นต้องพกทรัพย์สินไปเยอะ อยู่ในบ้าน สถานบันเทิงต้องระมัดระวังหรือไม่ควรไป ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมความพร้อมดูแลความปลอดภัยให้ได้มากที่สุด ส่วนในเรื่องการย้ำเตือนอยากให้พี่น้องประชาชนช่วยระมัดระวังเรื่องความมั่นคง ช่วยกันดูแลทั้งชีวิตทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน หากใครที่จะเข้ามาก่อเหตุ ประชาชนก็ต้องช่วยกันดูแลแจ้งเหตุต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความมั่นคง ความปลอดภัย โดยได้ทำหนังสือให้สมาคมต่างๆ ขอความร่วมมือ ซึ่งในวันที่30 ธ.ค.2559 เดินทางออก และวันที่ 3 ม.ค.60 เดินทางกลับ เอาเฉพาะที่จำเป็นในช่วง 2 วันนี้ ขอให้ขับขี่ปลอดภัยด้วยความไม่ประมาท อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจขอให้หัวหน้าสถานี รองผกก.จร. สว.จร ต้องลงมาตรวจสอบพื้นที่ด้วยตนเอง รวมถึงร่วมเด็กแข่งรถมีที่ไหนพื้นที่นั้นต้องรับผิดชอบ เรามีข้อกฎหมายต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ในการรักษาความสงบเรียบร้อย เมื่อถามถึงโครงการรีเซ็ทใบสั่งจะเป็นดาบ 2 คมหรือไม่ ที่มีลดอัตราเปรียบเทียบปรับนั้น พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า ช่วงปีที่ผ่านมาก็มีโครงการดังกล่าวใช้คำว่าล้างใบสั่ง อาจจะสื่อความเข้าใจว่ารู้สึกไม่ดี หลายๆ ครั้งพี่น้องประชาชนแจ้งว่าโดนยึดใบขับขี่ แต่ไปแจ้งว่าแจ้งหาย ซึ่งทางพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดทั่วทุกพื้นที่ ต้องมีใบสั่ง จึงต้องการให้พี่น้องประชาชนไม่ต้องไปแจ้งความเท็จและมีใบขับขี่ที่ถูกต้อง ซึ่งดำเนินการโครงการดังกล่าวเป็นระยะ ปีหน้าอาจจะไม่มีการดำเนินการดังกล่าวเลยก็ได้ โดยความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.จราจรทางบก ไม่ใช่ความผิดอาชญากรโดยสันดาร เป็นกฎหมายไว้ป้องปราบปราม ให้อำนาจพนักงานสอบสวนทำการเปรียบเทียบปรับหรือว่ากล่าวตักเตือนได้ อาจจะไม่ต้องปรับเลยก็ได้ แต่การกระทำดังกล่าวไม่ดี จึงมีความเห็นว่า ให้ดำเนินการเปรียบเทียบปรับขั้นต่ำตามกฎหมาย อาทิเช่นความผิดตามม.43 ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย แต่ขับรถโดยประมาทหรือหวาดเสียว กฎหมายเขียนไว้ขั้นต่ำ 400-1,000 บาท จะต้องเปรียบเทียบปรับ 400 บาท เลือกปรับเฉพาะข้อหากระทบกับการการจราจรหรือความปลอดภัย แต่บางอันข้อหาเล็กน้อย อาทิเช่น ไม่มีใบขับขี่ ว่ากล่าวตักเตือนได้ เปลี่ยนชื่อโครงการเป็นรีเซ็ตใบสั่ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประชาชนที่สนใจเข้าใช้แอพพลิเคชั่นให้พิมพ์คำว่า“Police i lert U” ได้ทั้งระบบไอโอเอสและระบบแอนดรอยด์ โดยเข้าสู่ระบบครั้งแรกลงทะเบียนเพื่อสมัครสมาชิก จากนั้นใส่รูปผู้สมัคร ใส่อีเมลล์ ชื่อนามสกุล วันเกิดเบอร์ติดต่อ โดยจะสามารถเข้าไปที่เมนูหลักไอคอนรูป “I lert” สำหรับแจ้งเหตุกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมนูไอคอนรูป “I call” สำหรับแจ้งตำรวจ ส่วนโครงการ "รีเซ็ตใบสั่ง" เป็นนโยบายเปรียบเทียบปรับในอัตราโทษต่ำสุด ซึ่งจะให้ทุก สน.ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำไปพิจารณาใช้ ในช่วงระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2559 ถึง 4 มกราคม 2560 โดยอัตราโทษต่ำสุดคือสั่งเปรียบเทียบปรับ 100 บาท