มาร์คแลนด์ เบลคล๊อค รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา เปิดเผยว่ากว่า 3 ทศวรรษที่เซ็นทาราได้ชูประสบการณ์การพักผ่อนตามแบบฉบับความเป็นไทยไปยังทั่วโลกด้วยความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงในด้านการผสมผสานการต้อนรับที่มีเสน่ห์แบบไทยเข้ากับที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานระดับโลก นอกจากนี้เซ็นทารายังได้พัฒนาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคู่ค้า ผู้พัฒนา และเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในตลาดที่แตกต่างหลากหลาย ด้วยการสร้างแบรนด์ใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจ เซ็นทาราตั้งเป้าที่จะสานต่อความสำเร็จที่น่าประทับใจจากอดีตด้วยการสร้างสรรค์โรงแรมและรีสอร์ทแห่งใหม่ที่ยอดเยี่ยมในจุดหมายปลายทางใหม่ที่น่าตื่นเต้นทั่วโลก เซ็นทารา อ่าวนางบีช รีสอร์ท แอนด์ สปา กระบี่ ด้านแผนธุรกิจในปีนี้ เซ็นทารายังคงเดินหน้าเปิดโรงแรมในเครือเพิ่มตามแผนยุทธศาตร์ 5 ปี(2561-2565) อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา เซ็นทาราได้เพิ่มจำนวนโรงแรมในพอร์ตอีก 10 แห่ง หรือ 1,294 ห้องพัก โดยในส่วนของประเทศไทยจังหวัดกระบี่ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันเซ็นทารามีโรงแรมอยู่ 3 แห่ง และอีก 2 แห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ ได้แก่ เซ็นทารา อ่าวนางบีช รีสอร์ทและสปา กระบี่ ซึ่งมีกำหนดเปิดในเดือนก.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นรีสอร์ทภายใต้แบรนด์มาตรฐานแห่งเดียวบนหาดอ่าวนาง และโรงแรมโคซี่ กระบี่ อ่าวนางบีช ซึ่งจะเปิดให้บริการในปี 2563 โรงแรมและรีสอร์ทในจังหวัดกระบี่ทั้ง 5 แห่งจะเปิดให้บริการภายใต้แบรนด์ที่แตกต่างกัน 4 แบรนด์ ตามการจัดวางตำแหน่งทางการตลาด เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและความต้องการด้านประสบการณ์การพักผ่อนที่ไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ เซ็นทารายังมีแผนที่จะเปิด เซ็นทารา ซันไรซ่า เรสซิเดนซ์และสวีท ศรีราชา ในเขตอีสเทิร์นซีบอร์ดในปีนี้ รวมทั้งแบรนด์ ‘โคซี่’ โรงแรมแนวไลฟ์สไตล์ที่ออกแบบสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบเทคโนโลยี ที่พักสไตล์เรียบง่าย ราคาคุ้มค่า ก็เป็นแบรนด์ที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตภายในประเทศไทยได้อย่างแข็งแกร่ง โดยโรงแรมโคซี่แห่งถัดมาจาก โคซี่ สมุย เฉวง บีช ที่เปิดตัวไปเมื่อธันวาคม 2560 ได้แก่ โรงแรมโคซี่ พัทยา นาเกลือบีช ซึ่งมีกำหนดเปิดให้บริการก.ย.2562ตามมาด้วย โคซี่ เชียงใหม่ ท่าแพเกท โคซี่ พัทยา นาเกลือบีช  ทั้งนี้แบรนด์ไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัยดังกล่าวยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรุกตลาดในต่างประเทศของเซ็นทาราอีกด้วย โดยโรงแรมโคซี่แห่งแรกนอกประเทศไทยซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาก่อสร้าง ตั้งอยู่ในเมืองเวียงจันทน์ เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ขณะนี้ เซ็นทารามีโรงแรมรวมสี่แห่งที่กำลังเกิดขึ้นในลาว รวมทั้งโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรา บายเซ็นทารา ในเมืองหลวงพระบาง เมืองทางตอนเหนือที่ถูกจัดเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก โรงแรมโคซี่ในเวียงจันทน์ และรีสอร์ททางใต้ของเมืองปากเซ อย่างไรก็ตามตลาดเอเชียตะวันออกยังคงเป็นพื้นที่ที่เติบโตเร็วที่สุดสำหรับเซ็นทารา โดยปัจจุบันมีทั้งโรงแรมที่เปิดดำเนินงานหรืออยู่ในแผนทั้งในกัมพูชา จีน อินโดนีเซีย ลาว มัลดีฟส์ ศรีลังกา และเวียดนาม บริษัทยังกำลังพิจารณาโอกาส และเจรจาเพิ่มสาขาที่เมืองโอซาก้าในประเทศญี่ปุ่น เซ็นทารา เรสซิเดนซ์ แอนด์ สวีท โดฮา อีกภูมิภาคที่เซ็นทารายังคงเดินหน้ารุกอย่างต่อเนื่องคือ ตะวันออกกลาง เริ่มด้วยโรงแรมเซ็นทารา มัสกัต ขนาด 157 ห้อง ในประเทศโอมาน ที่เปิดให้บริการเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560, โรงแรมเซ็นทารา เวสต์เบย์ เรสซิเดนซ์และสวีท โดฮา ขนาด 265 ห้อง ซึ่งเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อก.พ.ที่ผ่านมา และโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ โดฮา ที่จะพร้อมต้อนรับแขกผู้เข้าพักภายในปลายปี 2562 อีกประเทศทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในภูมิภาคนี้ยังได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โรงแรมเซ็นทารา เดร่า ไอส์แลนด์ บีช รีสอร์ท ดูไบ โรงแรมขนาดใหญ่ที่มีห้องพักมากถึง 601 ห้อง เตรียมเปิดให้บริการในปี 2563 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นของเซ็นทาราในการสร้างมาตรฐานการต้อนรับด้วยไมตรีจิตตามแบบฉบับไทยสู่ตะวันออกกลาง สำหรับปัจจุบัน เซ็นทารามีโรงแรมและรีสอร์ท รวม 68 แห่งทั่วโลก แบ่งเป็นในประเทศไทย 45 แห่ง และในต่างประเทศ 23 แห่ง รวม 13,477 ห้องพัก ทั้งนี้โรงแรม 39 แห่งเปิดให้บริการแล้ว และอีก 29 แห่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา อย่างไรก็ตามหลังจากรุกเปิดโรงแรมในเครือใหม่ต่อเนื่อง เซ็นทารามั่นใจว่าภายในปี 2565 จะมีจำนวนโรงแรมเพิ่มเป็น 134 แห่งตามแผนแน่นอน