เมื่อวันที่ 12 มี.ค.62 พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบก.สส.บช.น.กล่าวเปิดเผยถึงความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุจี้ชิงทองน้ำหนัก 215 บาท จากห้างทองออโรร่า ภายในห้างบิ๊กซี สาขาพระราม 4 ว่า ขณะนี้ทางฝ่ายสืบสวนอยู่ระหว่างแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ว่ามีการเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังก่อเหตุในจุดใด รวมถึงการตามตัววินรถจักรยานยนต์ที่ช่วยหลบหนี หลังเปลี่ยนยานพาหนะจากรถแท็กซี่ไปขึ้นรถจักรยานยนต์รับจ้าง ส่วนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ที่ตรวจยึดได้ภายในห้างสรรพสินค้าเกตเวย์ ย่านเอกมัย จากการสอบสวนเจ้าของรถจักรยานยนต์ มีความชัดเจนว่ามีคนร้ายได้เข้าไปขโมยภายในบ้าน ย่านซอยอ่อนนุช 17 เมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าคนร้ายใช้เวลาอยู่นานกว่า 40 นาที ในการค้นหาทรัพย์สินก่อนจะขับรถคันดังกล่าวออกไป โดยมีภาพวงจรปิดจับภาพบางส่วนเอาไว้ได้ จึงเชื่อว่าเจ้าของรถไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด ส่วนการตรวจสอบพฤติการณ์ใกล้เคียงกับการก่อเหตุในคดีนี้พบว่า ผู้ต้องหาคดีที่เคยก่อเหตุจี้ชิงทองกับห้างทองออโรร่า สาขาอื่น และห้างทองเยาวราชกรุงเทพฯ ที่ผู้ต้องหาใช้วิธีปลอมแปลงใบหน้าไปก่อเหตุ พบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คดียังอยู่ระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำ ซึ่งอยู่ระหว่างขยายผลว่ามีคดีใดที่ก่อเหตุใกล้เคียงอีกหรือไม่ “สำหรับการขอออกหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ยืนยันว่ามีภาพเพียงพอไปขอศาลอนุมัติหมายจับได้แล้ว แต่ต้องการภาพที่เห็นใบหน้าชัดเจน ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับการประสานจากเจ้าของร้านทองออโรร่า และต้องการพิสูจน์ตัวตนให้ได้ชัดเจนก่อน ซึ่งเรื่องนี้ได้ฝากประชาชนที่พบเห็นเบาะแส ให้ช่วยแจ้งข้อมูลมายังตำรวจสืบสวนนครบาล ซึ่งผู้ใดที่ช่วยให้เบาะแสจนนำไปสู่การจับกุมได้จะมีเงินรางวัลให้ 3 หมื่นบาท”พ.ต.อ.นพศิลป์ กล่าว