ภายในระยะเวลาทิ้งห่างกันไม่เกินข้ามวัน กลับน่าทึ่งว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี” ในศึกเลือกตั้งรอบนี้ ได้เคลื่อนไหวไปแล้วด้วยกันหลายกระบวนท่า ! ทั้งการประกาศจุดยืน ว่าจะไม่สนับสนุน “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ โดยพรรคพลังประชารัฐ จากนั้นเผยแพร่คลิปวีดีโอดังกล่าวความยาว33 วินาที ผ่านเฟชบุคส่วนตัว “ชัดๆเลยนะครับ ผมจะไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อแน่นอน” โดยมีการย้ำให้ฟังชัดๆกันสองรอบ “เพราะการสืบทอดอำนาจ เท่ากับ สร้างความขัดแย้ง และขัดกับอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ว่าประชาชนเป็นใหญ่ 5ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจย่ำแย่ ประเทศเสียหายมามากพอแล้ว” “หมดเวลาเกรงใจแล้วครับ” ต่อมาภายในวันเดียวกันอภิสิทธิ์ พลิกมาขอคะแนนจากพี่น้องประชาชนผ่าน “จดหมายรัก” เขียนด้วยลายมือของตัว เอง เผยแพร่ผ่านเฟชบุคอีกรอบ เนื้อหาใจความในจดหมายบางตอนระบุชัดเจนว่าขอคะแนนให้กับพรรคประชาธิปัตย์ และหากจะเปรียบตัวเองเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ก็คงเป็นผู้ชายที่ดูจืดๆไม่แข็งกร้าว ไม่เร้าใจ แต่ยังมีความมั่นคง ไม่มีวันทำร้าย และไม่มีวันทิ้งประชาชน แน่นอนว่าการประกาศจุดยืนของอภิสิทธิ์ คือประเด็นสำคัญที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ถูกตั้งคำถามและโดนกดดันจากพรรคการเมืองต่างๆมาโดยตลอดว่า “แทงกั๊ก” แต่เมื่ออภิสิทธิ์ เลือกที่จะแสดงจุดยืนในช่วง “โค้งสุดท้าย” ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.อีกเพียงสองสัปดาห์ ย่อมคาดหวังที่จะได้ใจ จากประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจ โดยเฉพาะ ฝ่ายที่ไม่หนุนพล.อ.ประยุทธ์ และคสช. การแสดงจุดยืนของอภิสิทธิ์ ว่าเลือกที่จะยืนคนละข้างกับพล.อ.ประยุทธ์ และพรรคพลังประชารัฐ ดูจะเป็นจังหวะของการชิงไหวชิงพริบช่วงเข้าโค้งสุดท้ายได้อย่างน่าสนใจ เพราะอย่าลืมว่างานนี้อภิสิทธิ์ ย่อมไม่ได้มองเพียงแค่ประชาชนที่หนุนพรรคประชาธิปัตย์ เป็นฐานเสียงเดิมอยู่แล้วเท่านั้น หากแต่ยังมองไปถึงการตัดสินใจของประชาชนที่จะเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งที่ไม่ยืนอยู่ในระนาบเดียวกับคสช. และไม่จับมือกับ “พรรคเพื่อไทย” อีกด้วย ท่าทีของอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะช่วยให้ “พลังเงียบ”ที่ยังรอการตัดสินใจ เลือกได้ง่ายมากขึ้น หากจากนี้ไปยังไม่มี “เงื่อนไข”หรือ “ตัวแปร”อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะพลิกสถานการณ์ตามมา การแสดงท่าทีและจุดยืนของอภิสิทธิ์ ครั้งนี้ ได้เกิดเอฟเฟกซ์ตามมาอีกระลอกใหญ่ เพราะกลายเป็นว่า “มิตร” ที่เคยร่วมรบ อย่าง “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ออกมาสวนหมัด ชนิดไม่เหลือไมตรีโพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว : Suthep thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ) ตอนหนึ่งว่า “ ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เขาเลือกข้างมาแล้ว ผมเห็น“ข้อดี”ก็คือ จะทำให้พี่น้องมวลมหาประชาชนที่เคยออกมาชุมนุมในครั้งนั้น คนที่เคยเสียสละ เสียเลือด เสียเนื้อ บาดเจ็บล้มตายเพราะมีอุดมการณ์ร่วมกันในครั้งนั้น คนที่เคยเลือกประชาธิปัตย์มาตลอดชีวิตเหมือนผม ตัดสินใจชัดเจน ประกาศหนุนพลเอกประยุทธ์ “แบบไม่ต้องเกรงใจ ด้วยเช่นกัน” ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ เอง กลับเลือกที่จะไม่แสดงท่าทีใด ๆซึ่งแน่นอนว่าอาจทำให้ “กองเชียร์”ผิดหวังทีร่ไม่เห็น บิ๊กตู่ ออกอาการแข็งกร้าวสวนกลับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ การทิ้งหมัดในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงนั้นต้องบอกว่า หลายสิ่งหลายอย่าง อาจไม่ใช่อย่างที่เห็น เพราะ “คำตอบสุดท้าย” จะเกิดขึ้นเมื่อ ทุกพรรค ทุกฝ่าย มองเห็น “ตัวเลขส.ส.” ว่าใครมีอยู่เท่าไหร่ ต่างหาก !