นาย สมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ  บมจ. ลีซ อิท หรือ LIT เปิดเผยว่า ภาพรวมของทิศทางกลยุทธ์ปี 2562 บริษัทฯจะมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน และมุ่งเพิ่มขีดความ สามารถในการแข่งขัน ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการความเสี่ยง ภายใต้แผนการดำเนินธุรกิจระยะยาว (Road Map 2561 – 2563) โดยในปี 2562 บริษัทมีเป้าหมายที่จะเติบโตในเชิงของรายได้เฉลี่ยปีละประมาณ 10-20%  และยังสามารถทำสถิติสูงสุดในรอบ 6 ปีตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ขณะที่มีมูลค่าพอร์ตลูกหนี้สินเชื่อรวมปรับตัวเพิ่มขึ้นให้ได้ถึง 2,930 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 2,547.73  ล้านบาท รวมทั้งมีเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อมากกว่า 13,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 10,980.26 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินเชื่อใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเอสเอ็มอี  อีกทั้ง มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินครบวงจร และเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ครอบคลุมตั้งแต่สินเชื่อต้นน้ำ สินเชื่อกลางน้ำ และสินเชื่อปลายน้ำ (Variety of Product) รวมทั้งบริษัทฯ จะใช้ช่องทาง Digital Marketing ในการหาลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการให้ผู้ที่ต้องการสินเชื่อมุ่งหวัง (Prospect) เข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัทฯ และในปีนี้คาดว่าจะสามารถเปิดวงเงินให้กับลูกค้าที่ได้รับจากช่องทางดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 10% ของจำนวนลูกค้ารายใหม่ ในขณะเดียวกันบริษัทอยู่ในระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีความสะดวก และรวดเร็วขึ้น สนองความต้องการของลูกค้าได้รับอนุมัติสินเชื่อในเวลาเร็วกว่าเดิมมากขึ้น อีกทั้ง บริษัทฯได้มีการปรับโครงสร้างภายในองค์กรให้มีความคล่องตัวเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มีความรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้ลูกค้ามีความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรมทางการเงินเพิ่มขึ้นอีกด้วย  ขณะเดียวกัน บริษัทมีการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างเข้มงวด โดยมีนโยบายตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญในสัดส่วน (Reserve) 6-7% ของยอดลูกหนี้คงเหลือสุทธิจากหลักประกัน เพื่อรองรับมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 ที่จะนำมาใช้ และบริษัทมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว เพราะมีการบริหารจัดการพอร์ตสินเชื่อเพื่อกระจายความเสี่ยงไว้เป็นอย่างดี               นอกจากนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทจะเพิ่มการสำรองหนี้สงสัยจะสูญในอัตราที่สูงขึ้น  แต่ด้วยความมุ่งมั่น และความพยายามของบริษัทที่จะยกระดับผลงานให้ดีอย่างต่อเนื่อง และมีกำไรสุทธิสูงขึ้น เหนือการตั้งสำรองอยู่ตลอดก็เพื่อต้องการให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน