“สมิทธ” เผยสมเด็จพระเทพฯ ห่วงภัยแล้งภาคอีสาน ราษฎร์ขาดน้ำกินใช้ เร่งเตือนรัฐบาลช่วยเหลือประชาชน ปีนี้แล้งผิดปกติ ชี้เกิดปรากฏการณ์ความชื้นจากขั้วโลกเหนืออยู่แต่ด้านบน จากชั้นบรรยากาศโลกเปลี่ยนแปลง เจอภัยแล้งจัดทั่วโลก จี้กรมทรัพยากรธรณี เฝ้าระวังแผ่นดินไหวซ้ำรอยเดิม ในช่วงหน้าแล้งแผ่นดินหด-ขยายตัวมากขึ้น เมื่อวันที่ 8 มี.ค.62 นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานมูลนิธิเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ เปิดเผยว่า สภาพอากาศปีนี้จะร้อนมากร้อนนาน ภัยแล้ง จะมากกว่าทุกปี เรียกว่าแล้งผิดปกติ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยประชาชน เนื่องจากน้ำที่เก็บไว้ในเขื่อนไม่มาก โดยเฉพาะเขื่อนภาคอีสาน มีปริมาณน้ำน้อยมากจะขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค ส่วนภาคกลาง ภาคเหนือตอนบน เหลือน้ำในเขื่อนไม่มาก แต่ยังมีพอใช้ตลอดฤดูแล้งนี้ โดยรัฐบาลจะต้องเร่งช่วยเหลือบรรเทาภัยแล้งและแจ้งเตือนประชาชน เกษตรกร ช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัดให้ได้เห็นผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งการปลูกข้าวนาปรังใช้น้ำมากต้องหยุดปลูกเลยตอนนี้ จะไม่มีน้ำส่งไปหล่อเลี้ยงต้นข้าวจะเสียหาย “โอกาสเกิดฝนทิ้งช่วงมีถึง1-2 เดือน ในช่วงเดือนมิ.ย.และเดือน ก.ค. สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ประเทศไทยเกิดแล้งผิดปกติ เพราะเกิดปรากฏการณ์ความชื้นจากขั้วโลกเหนือ ไม่ลงมา ซึ่งมาจากการเคลื่อนตัวของบรรยากาศโลก มีการเปลี่ยนแปลง โดยทั่วโลกได้รับผลกระทบหมด เกิดสภาวะเอลณิโญ่ปานกลาง ไม่ใช่ประเทศไทยจะร้อนแล้งมากเท่านั้นเกิดทั่วทั้งแถบเอเซีย “นายสมิทธ กล่าว นายสมิทธ กล่าวว่า สภาพอากาศปีนี้ ลักษณะความชื้นอยู่ขั้วโลกเหนือไม่ลงมา ทำให้มวลอากาศเย็นไม่ลงประเทศจีน เกิดแล้งผิดปกติ เหมือนกับเราขาดน้ำเหมือนกันต้องใช้น้ำระมัดระวัง งดเพาะปลูก เก็บน้ำไว้บริโภค และไม่ควรทำนา จะเจอภาวะขาดน้ำ เพราะปริมาณน้ำในเขื่อน เก็บไว้น้อย เช่นภาคอีสาน ไม่มีน้ำตั้งแต่ปีที่แล้ว เขื่อนมีน้ำน้อย เช่นเขื่อนอุบลรัตน์ มีน้ำน้อยมาก “ปีนี้ธรรมชาติได้ส่งสัญญาณแล้วว่าฝนน้อย อาจเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงอย่างน้อย 2เดือน เพราะตั้งแต่ต้นปียังไม่มีพายุจร เข้ามาเลย ซึ่งจับตาดู ความกดอากาศสูงตอนบนยังไม่แผ่ลงมา ถ้าลงมาทำให้เกิดฟ้าคะนอง มีฝนบ้าง เพราะช่วงนี้ความกดอากาศสูงจากจีนไม่แผ่ลงมา โอกาสไทยมีฝนน้อยลงกว่าปีก่อน ตอนนี้น้ำในเขื่อนน้อยด้วย ทำให้แล้งจัดในภาคอีสาน สมเด็จพระเทพฯทรงเป็นห่วงแล้งมากและนาน จากที่พระองค์ทรงเสด็จไปทรงงานในหลายจังหวัด ด้วยอากาศปีนี้ร้อนมากขึ้น เพราะไม่มีความชื้น การทำฝนหลวง ยิ่งไม่มีโอกาสในช่วงนี้ทำไม่ได้ เพราะความกดอากาศสูงไม่ลงมา อยู่ข้างบนมากไป ความชื้นน้อย โอกาสฝนตกน้อย ซึ่งการเก็บน้ำในเขื่อนใหญ่มีน้อยมาก ดังนั้น จึงแล้งมาก ผมได้พยามยามแจ้งเตือนประชาชน ทุกสัปดาห์ผ่านทางสถานีวิทยุของมูลนิธิ”นายสมิทธ กล่าว ประธานมูลนิธิภัยพิบัติฯกล่าวว่าสำหรับสถานการณ์แผ่นดินไหวต่อเนื่อง ที่เกิดขึ้นจ.ลำปาง เมื่อต้นปี จากรอยแยก รอยเลื่อนของแผ่นดินมีจำนวนมาก ไปถึงบริเวณจ. เชียงใหม่ และเชียงราย ด้วย ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคอยจับตาดูเพราะช่วงแล้งมาก แผ่นดินจะเกิดหด ขยายตัวซ้ำ รอยร้าวต่างๆต้องระวัง ซึ่งกรมทรัพยากรธรณี มีสถิติ มีแผนที่ รอยเลื่อน ดังนั้นก่อนจะสร้างวัดวาอาราม โบถส์วิหาร ถนน ใช้เงินลงทุนเป็นหลายล้านบาท อย่าไปสร้างไปทับรอยเลื่อน เช่นการสร้างโบถส์ ลงทุนสูง และมีผู้คนมากการทำพิธีในโบถส์ หากเกิดเหตุขึ้นมา อาจเกิดโศกนารถกรรมได้ “สิ่งปลูกสร้างที่มีคนอยู่มากๆอย่าทับรอยเลื่อน จะเสียหายทั้งทรัยพ์สิน และชีวิต หากเกิดเหตุแผ่นดินไหว ซึ่งท้องถิ่นต้องไปศึกษาดู แผนที่รอยเลื่อนของกรมทรัพยากรธรณี อยู่ ตำบลไหน อำเภอ ถนน ก่อนลงมือก่อสร้าง อย่าไปทับรอยเลื่อน ในพื้นที่ต้องมีบันทึกไว้ ถ้าไปสร้างทับพื้นที่ เคยมีรอยเลื่อนในอดีต หากมีแผ่นดินไหว กระทบ ไปหมดรอยเลื่อนเดิม เสียชีวิตทรัพย์สินได้ในช่วงต้องระวัง ในหน้าแล้ง แผ่นดินเกิดรอยร้าวมากขึ้น “นายสมิทธ กล่าว