จากกรณีที่มีกระแสข่าวเผยแพร่ผ่านสังคมออนไลน์ รวมทั้งพูดคุยในหมู่ประชาชนหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือว่า หากลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐแล้วจะไม่สามารถกู้เงินหรือทำธุรกรรมอย่างอื่นได้นั้น วันนี้ (5 มี.ค.) สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่ข้อมูลผ่านหัวข้อ “อย่าเชื่อ! อย่าแชร์! ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกู้เงินไม่ได้” บนกลุ่มไลน์ ไทยคู่ฟ้า ระบุว่า กระแสข่าวลวงเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกลับมาวนเวียนในโลกโซเชียลอีกครั้ง โดยมีประชาชนได้รับข้อความทำนองว่า ผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะไม่สามารถกู้เงินหรือทำธุรกรรมอย่างอื่นได้ ขอย้ำอีกครั้งว่า ไม่เป็นความจริง และเป็นข่าวเก่าตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่เปิดรับลงทะเบียนใหม่ๆ ในความเป็นจริงผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งต้องมีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี หรือต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน ก็ไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงินได้อยู่แล้ว เนื่องจากสถาบันการเงินกำหนดคุณสมบัติและเงื่อนไขของผู้กู้ว่าต้องมีรายได้เพียงพอที่จะชำระหนี้ได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อระบบการเงินของสถาบันการเงินแต่ละแห่ง ขณะเดียวกัน อีกด้าน แฟนเพจเฟซบุ๊ค “ลุงตู่ตูน” ได้โพสต์รายละเอียดเกี่ยวกับการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในส่วนของสินเชื่อรายย่อยเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน ที่ดำเนินการมาตั้งแต่เดือน มี.ค.60 ผ่านธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในการอนุมัติสินเชื่อเพื่อใช้จ่ายฉุกเฉิน เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าเล่าเรียน เป็นต้น ให้เป็นทางเลือกของประชาชนในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบแทนหนี้นอกระบบ รายละไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย 0.85% ต่อเดือน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ประชาชนที่มีการประกอบอาชีพและมีความจำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉิน ระยะเวลาการยื่นขอสินเชื่อ ให้ยื่นขอสินเชื่อและจัดทำนิติกรรมสัญญาภายในวันที่ 31 มี.ค.63 โดยมีระยะเวลาการให้กู้ยืมไม่เกิน 5 ปี มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ไม่เกินร้อยละ 0.85 ต่อเดือน และมีบุคคลค้ำประกันอย่างน้อย 1 คน และ/หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้ผู้กู้ต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1.ต้องลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบกับธนาคารออมสินที่สาขา 2.ต้องเป็นผู้ที่มีการประกอบอาชีพ มีรายได้ที่มีคุณสมบัติไม่สามารถขอสินเชื่อประเภทอื่นของธนาคารออมสินได้ 3.ต้องมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาในการชำระคืนเงินกู้แล้วต้องไม่เกิน 65 ปี 4.ต้องมีสถานที่ประกอบอาชีพ หรือ สถานที่อยู่อาศัยแน่นอนสามารถติดต่อได้ 5 มีบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกที่สาขาที่ยื่นกู้ 6 มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่นเดียวกับ นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังไม่มีนโยบายจำกัดสิทธิมิให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดำเนินธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งการดำเนินธุรกรรมทางการเงินขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อของผู้มีความสามารถขอสินเชื่อในแต่ละราย กระทรวงการคลังขอย้ำว่า การจัดให้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อเป็นเครื่องมือในการให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ แก่ผู้ถือบัตร อาทิ การบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายในด้านอุปโภคบริโภค ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตลอดจนการให้โอกาสในการพัฒนาตนเองของผู้ถือบัตร โดยการช่วยให้มีงานทำและการพัฒนาทักษะความรู้ในการประกอบอาชีพ เป็นต้น จึงขอให้ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อการให้ข่าวที่บิดเบือน